fbpx
Homeเที่ยวเอเชียสิงคโปร์เที่ยวแนวใหม่! 15 ตึกสุดแนวดีไซน์สวยที่สิงคโปร์ ที่เที่ยวสิงคโปร์สไตล์สถาปัตยกรรม

เที่ยวแนวใหม่! 15 ตึกสุดแนวดีไซน์สวยที่สิงคโปร์ ที่เที่ยวสิงคโปร์สไตล์สถาปัตยกรรม

Klook.com
- Advertisement -
- Advertisement -
สิงคโปร์ประเทศเล็กๆ ที่สามารถจัดการบริหารพื้นที่จำกัดได้อย่างลงตัว  เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องตึกระฟ้าหน้าตาโฉบเฉี่ยว  ถือเป็นหนึ่งสัญลักษณ์ของความเจริญก้าวหน้าทางด้านสถาปัตยกรรมล้ำสมัยของประเทศ  ตอนนี้ใครที่อยากจะไปเที่ยวสิงคโปร์ ก็สามารถจองตั๋วเครื่องบินไปสิงคโปร์กับ Traveloka คลิกเลย แล้วไปเที่ยวกันง่ายๆ แบบบินไปแค่ชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงแล้ว ที่สำคัญคือมีตั๋วเครื่องบินไปสิงคโปร์ราคาไม่แพงให้เลือกมากมาย ว่าแล้วก็จองตั๋วเครื่องบินผ่าน Traveloka แล้วปักหมุด “15 ตึกสุดแนวดีไซน์สวยที่สิงคโปร์แล้วเตรียมตัวท่องเที่ยวแบบ Architecture Style ชิคๆ ล้ำๆ กับเรากันเลย

 

1.มาริน่า เบย์แซนด์ส (Marina Bay Sands)

มาริน่า เบย์แซนด์สหนึ่งสัญลักษณ์ของประเทศสิงคโปร์ นี้ตั้งอยู่ใกล้กับย่านดาวน์ทาวน์ใหม่เป็นคอมเพล็กซ์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก สร้างเป็นรูปไพ่ 3 สำรับเรียงกัน แล้ววางทับด้วยเรืออยู่ด้านบนที่เรียกกันว่า แซนด์สกายพาร์คสวนและสระว่ายน้ำไร้ขอบที่สูงที่สุดในโลก  ความยาวถึง 150 เมตร จุดชมวิวแบบ 360 องศา ณ ชั้นที่ 55  มีร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหารและบาร์ลอยฟ้าไว้คอยให้บริการด้วย โดดเด่นด้วยโรงแรมหรู มารีน่า เบย์แซนด์สที่ได้ชื่อว่าอลังการที่สุดในสิงคโปร์ จำนวนห้องพักกว่า 2500 ห้อง ในความสูง 57 ชั้น   มีห้างสรรพสินค้าชื่อดังThe Shoppesศูนย์รวมของร้านแบรนด์เนมในระดับไฮเอนด์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่นี่ยังมีห้องคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย

2. พิพิธภัณฑ์ศิลป์และศาสตร์ (ArtScience Museum)

พิพิธภัณฑ์แห่งแรกของโลกที่นำนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และศิลปะมาจัดแสดงร่วมกันอย่างผสมผสานกลมกลืนตั้งอยู่ใกล้กับ“มาริน่า เบย์แซนด์ส”อาคารของพิพิธภัณฑ์มีรูปทรงเหมือนดอกบัว ออกแบบโดย “โมเช่ซาฟดี” สถาปนิกชื่อดัง

ให้มีรูปทรงเป็นลักษณะของนิ้วมือ ภายใต้แนวคิดว่า “มือที่อบอุ่นของสิงคโปร์” ภายในอาคารรูปกลีบบัวสะท้อนถึงจิตวิญญาณโลกตะวันออกกับตะวันตก พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จัดแสดงงานที่ครอบคลุมตั้งแต่ ศิลปะและวิทยาศาสตร์ สื่อและเทคโนโลยี รวมไปถึงการออกแบบและสถาปัตยกรรม จัดแสดงนิทรรศการถาวรในชื่อว่า “ท่องสู่โลกแห่งการสร้างสรรค์” สื่อถึงความสัมพันธ์ระหว่างศิลป์และศาสตร์ที่ไม่อาจแยกจากกันได้ และจัดแสดงนิทรรศการระดับนานาชาติของศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับโลก

3. หลุยส์ วิตตองไอส์แลนด์ เมซง(Louis Vuitton Island Maison)

บ้านหลังแรกของ “หลุยส์ วิตตอง” ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นหอแสดงสินค้าที่ลอยอยู่บนอ่าวมาริน่า ใกล้กับ “มาริน่า เบย์แซนด์ส”ใหญ่ที่สุดในโลกรองจากแฟล็กชิปที่ชองเอลิเซ่ในกรุงปารีสยังเป็นร้านขายเครื่องแต่งกายสไตล์หอแสดงสินค้าที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 12 ของโลกอีกด้วยออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดัง “ปีเตอร์ มาริโน” โดยได้แรงบันดาลใจจากท้องทะเลเพราะอาคารนี้ตั้งอยู่บนเนื้อที่อ่าว ตกแต่งแนวพิพิธภัณฑ์ผสมผสานไปกับร้านขายกระเป๋า โดยตกแต่งด้วยวัสดุที่ใช้ในการเดินเรือ ให้ความรู้สึกราวกับอยู่ในห้องโดยสารของเรือ และใช้แผ่นผ้าใบสีขาวตกแต่งบนเพดาน เพื่อลดความร้อนจากภายนอกอาคาร ที่มีกระจกโดยรอบตัวสามารถเห็นวิวน้ำทะเลข้างนอกได้อีกด้วย

4. การ์เด้นท์ บาย เดอะเบย์(Gardens by the Bay)

สวนพฤกษศาสตร์ริมอ่าวมารีนา ประกอบด้วยเรือนกระจกขนาดใหญ่สองแห่งที่ถูกออกแบบให้ดูคล้ายดอกไม้ประจำชาติสิงคโปร์ คือ ดอกแวนด้าที่ชื่อ “มิสโจอาควิม”โดย “โดมดอกไม้” ซึ่งได้รับการบันทึกลงในกินเนสบุ๊คว่าใหญ่ที่สุดในโลก ภายในจัดแสดงต้นไม้จากหลายๆ ประเทศ ส่วน “โดมป่าเมฆ” จัดแสดงป่าฝนพร้อมน้ำตกจำลองขนาดใหญ่ มีทางเดินลอยฟ้าให้ชมวิวจากด้านบน ภายในสวนโดดเด่นด้วย “ซูเปอร์ทรีส์” ต้นไม้ยักษ์ 18 ต้น ที่ถูกออกแบบให้เป็นสวนแนวตั้งปลูกเฟิร์นและไม้เลื้อยปกคลุมสวยงามโดย 12 ต้นจะมีทางเดินลอยฟ้า “OCBC” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่ ส่วนอีก 6 ต้น ตั้งอยู่บริเวณทะเลสาบดราก้อนฟลายและคิงส์ฟิชเชอร์ยามค่ำคืนจะโดนเด่นด้วยแสงสีตระการตายิ่งนัก

5. โรงละครเอสพลานาด(EsplanadeTheatres)

เอสพลานาดอาคารรูปทรงตึกหนามทุเรียน คือโรงละครบนชายหาดและศูนย์แสดงศิลปะที่ได้รับความนิยมที่สุดในโลกแห่งหนึ่งของสิงคโปร์ตั้งอยู่บริเวณปากอ่าวมาริน่าใกล้กับสะพานจูบิลลีถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญ ชาวสิงคโปร์เรียกนิยมเรียก ตึกทุเรียนตามลักษณะของอาคารซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยกระจกรูปสามเหลี่ยมสำหรับบังแดดกว่า 7,000 ชิ้นที่ทำให้ดูเหมือนลูกทุเรียนขนาดใหญ่นั่นเองเป็นศูนย์กลางการแสดงศิลปะมากมายหลายประเภท นอกจากนี้ยังมีห้องสมุด ร้านกาแฟ ร้านอาหาร  และร้านขายของที่ระลึกไว้ต้อนรับนักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลก

6. โกลเด้นไมล์ คอมเพล็กซ์(Golden Mile Complex)

ย่านคนไทยที่พักอาศัยอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ ถูกเรียกขานว่า    “Little Thailand” อาคารสูง16 ชั้น โดยบริเวณด้านล่างเป็นศูนย์การค้าที่มีร้านขายของสถานบันเทิงและร้านอาหารต่างๆ ของคนไทยโดยเฉพาะส่วนชั้นบนจะเป็นทั้งที่อยู่อาศัยและสำนักงานถือเป็นอาคาร Mixed-use (ศูนย์การค้า สำนักงาน และที่พักในอาคารเดียว) แห่งแรกๆของสิงคโปร์ ได้รับรางวัลได้ด้านการออกแบบเป็นตัวอย่างของการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งยังเป็นที่จัดงานตามวันเทศกาลต่างๆ ที่สวนสาธารณะริมน้ำกัลลัง เช่นวันลอยกระทง วันสงกรานต์ เป็นต้น

7. เดอะไฮฟ์ (The Hive )

อาคาร 8 ชั้นที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนเข่งติ่มซำซ้อนๆกันอยู่ คือศูนย์การเรียนรู้ที่มีชื่อว่า “เดอะไฮฟ์”ตั้งอยู่ในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยาง ซึ่งตั้งอยู่ที่ฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของสิงคโปร์ ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดังชาวอังกฤษ “โทมัส เฮเทอร์วิค”  และมีฉายาน่ารักๆ ว่า “ตึกติ่มซำ”  และอาคารแห่งนี้ยังได้รับรางวัล BCA Green Mark Platinum จากรัฐบาลสิงคโปร์ในปี 2013 อีกด้วยที่นี่ยังมีแกลเลอรีสำหรับแสดงงานศิลปะของนักศึกษา อีกทั้งยังเชิญระดับศิลปินชาวเอเซียตะออกเฉียงใต้มาแสดงงานอยู่เนืองๆ นับเป็นจุดถ่ายรูปที่สายฮิปสเตอร์พลาดไม่ได้อย่างแน่นอน

8. สถาบันศิลปะลาซาลล์(Lasalle College of The Arts)

“ลาซาลล์”สถาบันด้านศิลปะชั้นนำของสิงคโปร์ เปิดสอนตั้งแต่ศิลปะร่วมสมัยสถาปัตยกรรม ดีไซน์ แฟชั่น การแสดง ไปจนถึงร้องเพลงตึกเรียนออกแบบโดยบริษัทสถาปนิกสิงคโปร์แท้ๆ“RSP Architects”ตามแนวคิด“The Black Box”อาคารสูง 7 ชั้น จำนวน 6 อาคาร ที่มีผนังกระจกด้านหน้าอาคารและแผ่นโครงสีดำที่เอียงทำมุมแตกต่างกัน เชื่อมโยงด้วยลานกว้างและสะพานลอยฟ้า ได้แรงบันดาลใจจากธรณีวิทยา กลุ่มงานประติมากรรมรอบพื้นที่ตรงกลาง สื่อแนวความคิดเรื่องหุบเขาลึกที่มีทางเดินเชื่อมต่อกันหลายทาง กับสะพานลอยฟ้าที่ก่อให้เกิดภูมิทัศน์ทางธรรมชาติ การไหลเวียนที่ดีของแสงและอากาศภายในอาคารต่าง ๆ ทำให้เกิดบรรยากาศการเคลื่อนไหวและการถ่ายเทพลังงานที่ไม่หยุดนิ่ง

9. ดิ อินเทอร์เลซ (The Interlace)

“ดิ อินเทอร์เลซ”เป็นอพาร์ทเม้นต์คอมเพล็กซ์ในพื้นที่ทั้งสิ้นราว 170,000 ตารางเมตร ตั้งอยู่ใจกลางประเทศสิงคโปร์ ได้ชื่อว่าเป็น “หมู่บ้านแนวตั้ง” เพราะเป็นอาคารที่พักอาศัย 31 หลัง ตั้งซ้อนกันไปมาเป็นรูปหกเหลี่ยมเหมือนไม่ตั้งใจ และหมุนในมุมที่แตกต่างกันเพื่อไม่ให้เป็นแนวเส้นตรงแต่ละอาคารจึงมีความส่วนตัวและมุมมองที่แตกต่างกัน แต่ละอาคารมีสวนส่วนกลางที่เน้นพื้นที่สีเขียวของต้นไม้ ทำให้บรรยากาศดูสบายและไม่อึดอัดมากเกินไป ตึกแห่งนี้คว้ารางวัลสถาปัตยกรรมยอดเยี่ยม ประจำปี 2015จากเทศกาลสถาปัตยกรรมโลกมาครอง เนื่องจากมีความโดดเด่นในด้านควาเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตึกเขียวรักษ์โลกว่างั้นเถอะ

10. ดูโอ แกลเลอเรีย(DUO Galleria)

รูปทรงของตึกคู่ในย่านบูกิตนี้จะมีลักษณะเป็นทรงกลมที่ถูกตัดออกให้เว้าแหว่ง โดยตึกแรกสูง 50 ชั้น ประมาณ 186 เมตร ใช้สำหรับเช่าอยู่อาศัย ในขณะที่อีกตึกทำเป็นสำนักงานให้เช่าและโรงแรมห้าดาวและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆโดยมีความสูงไล่เลี่ยกันส่วนชั้นใต้ดินก็เชื่อมต่อโดยตรงกับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสำหรับพื้นที่ส่วนที่เว้าแหว่งที่อยู่ระหว่างตึกทั่งสองนั้น จะถูกปรับให้เป็นสวนบนดาดฟ้าที่แสนจะอลังการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับเมืองออกแบบโดย โอลี ชีเร็นสถาปนิกชาวเยอรมัน ผู้ออกแบบตึกมหานคร ตึกที่สูงที่สุดในไทยนั่นเอง

11. เดอะจีเวล (The Jewel)

“เดอะจีเวล” อาคารรูปโดมดีไซน์สะดุดตาซึ่งสร้างขึ้นด้วยกระจกแก้วและเหล็กภายในสนามบินชางงี ประกอบไปด้วย ห้างสรรพสินค้า ที่ขายแบรนด์เนมระดับสูงไปจนถึงร้านขายสินค้าทั่วไปจำนวนมาก นอกจากนั้นยังมี ร้านอาหาร โรงหนัง โรงแรม พื้นที่กิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย ไฮไลท์ของอาคารหลังนี้ได้แก่ ลานน้ำตกกลางแจ้ง“Rain Vortex”ตรงกลางสวนป่าเขียวชอุ่ม “Forest Valley”นับเป็นน้ำตกในอาคารที่สูงที่สุดในโลกส่วนตรงกลางอาคารก็ยังมีรางของรถไฟฟ้า ที่รับส่งผู้โดยสารจากอาคารผู้โดยสารหลังต่างๆ ภายในสนามบิน ขณะที่โซนร้านอาหารชั้น B2 มีร้านอาหารอร่อยๆ ให้เลือกชิมมากมาย ชั้นบนสุดเป็นสวนลอยฟ้า มีหลังคากระจกทำให้เห็นวิวข้างนอกได้อย่างสวยงามชัดเจน

12. เดอะพินนาเคิล @ ดักซ์ตัน (The Pinnacle @ Duxton)

ตึกรูปทรงสวยงามสูง 50 ชั้นนี้ คืออาคารชุดภาครัฐที่สูงที่สุดในโลก และมีลักษณะพิเศษหลายประการจนได้รับรางวัลการออกแบบจากหลากหลายองค์กร เป็นกลุ่มตึกสูง 7 อาคาร ที่เชื่อมโยงถึงกันทั้งหมด มีห้องพักอาศัยทั้งหมด 1,848 หน่วย มีถึง 35 แบบให้ผู้ซื้อเลือกโดยราคาแต่ละห้องแตกต่างกันไป แต่ละตึกมีสะพานลอยฟ้าเชื่อมต่อกันที่ชั้น 26 และชั้นที่ 50 สะพานลอยฟ้าแต่ละสะพานมีสวนลอยฟ้าความยาว 500 เมตร นับเป็นสวนลอยฟ้าที่ยาวที่สุดในโลก ซึ่งสะพานลอยฟ้าที่ชั้น 50 นั้นเปิดให้คนทั่วไปขึ้นชมได้  สามารถชมวิวเมืองสิงคโปร์ได้ทั้งฝั่งที่เป็นเมืองและฝั่งท่าเรือในมุมมอง 360 องศา โดยเสียค่าบริการเพียง 5 เหรียญสิงคโปร์เท่านั้น

13. ห้างบูกิส พลัส (Bugis Plus)

สวรรค์ของนักช็อป แห่งย่านบูกิส แหล่งช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ เดิมมีชื่อว่า Iluma ได้รับการรีโนเวทใหม่เป็นห้างทันสมัยสูง 10 ชั้น ภายนอกอาคารตกแต่งด้วย “คริสตัสเมซ” ที่มีลักษณะเหมือนกับโลหะใส ภายในห้างมีร้านเสื้อค้าเสื้อผ้าแบรนด์ดังรวมอยู่มากมาย เช่น Bershaka, Pull&Bear, New Look และ Uniqlo นอกจากนี้ก็จะมีร้านเล็กๆ จากดีไซเนอร์ชาวสิงคโปร์อยู่ด้วย ชั้นบนมีร้านอาหารให้เลือกชิมหลากหลายสไตล์ รวมทั้งโรงภาพยนตร์ด้วย  ส่วนห้างบูกิ จังชั่นที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เต็มไปด้วยสินค้าวัยรุ่น เทรนด์ใหม่ล่าสุด ตั้งแต่เครื่องประดับ ของสะสม ไปจนถึงเป้สะพายหลัง นอกจากนี้ที่สองฟากถนนยังเต็มไปด้วยรถเข็นขายของที่ระลึก ถูกใจนักช้อปสุดๆ แถมราคายังสบายกระเป๋าอีกต่างหาก

14.โรงแรมโอเอเซีย (Oasia Hotel)

“โอเอเชีย” เป็นทั้งโรงแรมและอาคารพักอาศัย มีทั้งหมด 27 ชั้น ผลงานของบริษัทสถาปนิกชื่อก้องโลก WOHA Architects ตัวอาคารห่อหุ้มด้วยแผ่นระบายอากาศ  Aluminium perforated panel สีแดงเป็นวัสดุหุ้มอาคาร และประดับด้วยไม้เลื้อยโอบล้อมทั่วทั้งหลัง ทั้งยังแทรกพื้นที่สีเขียวแบบเปิดเข้าไปในแต่ละช่วงตึก ทั้งด้านในและตามระเบียงในลักษณะของสวนลอยฟ้า โครงสร้างของอาคารเป็นรูปแบบเปิดโล่งปราศจากหลังคาปิดทับ ทั้งด้านข้างและด้านบน ช่วยให้มีการระบายอากาศที่ดีเยี่ยม เพราะมีลมธรรมชาติพัดผ่าน ตลอดจนได้รับความเย็นสบายจากสวนสีเขียวที่รายล้อมรอบอาคาร รวมถึงเปิดทางให้แสงธรรมชาติเข้าสู่อาคารโดยตรงผ่านการกรองแสงของต้นไม้ด้วย โดยชั้นที่ 6 จะเป็นในส่วนของสระว่ายน้ำและออฟฟิศให้เช่า ส่วนชั้นบนสุดคือชั้นที่ 27 เป็นสวนลอยฟ้าและร้านอาหารสุดหรู เหมาะสำหรับคู่สวีทเป็นที่สุด  

15. ห้างสรรพสินค้าไออน ออชาร์ด (ION Orchard)

ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่ออกแบบตกแต่งได้สวยงามทันสมัยแปลกตา จนกลายเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของถนนออชาร์ด  แหล่งช้อปปิ้งสุดฮิตของสิงคโปร์ และด้วยความสูงกว่า 218 เมตร ตึกนี้จึงเป็นตึกสูงที่สุดของถนนช้อปปิ้งเส้นนี้ นอกจากนั้นตึกสุดเดิร์นนี้ยังได้รับรางวัลการออกแบบมากมายจากหลายสถาบัน ภายในห้างเต็มไปด้วยร้านค้าแบรนด์เนมจากทั่วโลกให้เลือก อาทิ Uniqlo, H&M, Forever 21, Victoria Secret และแบรนด์ประจำอย่าง MNG, ZARA, Top Shop ส่วนร้านแบรนด์พรีเมี่ยม เช่น พวก Gucci, Prada, LV มีซุปเปอร์มาร์เก็ต และศูนย์อาหารขนาดใหญ่ ครบวงจรเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังเปิดชั้น 56 ให้เป็นจุดชมวิวแบบ 360 องศา ที่เรียกว่า ION Sky ผู้คนคึกคักต่อแถวขึ้นชมวิวกันทั้งวันเลยทีเดียว

“สิงคโปร์” นับเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้นๆ ของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะชาวไทยด้วยความที่ไม่ไกลบ้าน เดินทางสะดวก ค่าใช้จ่ายไม่บานปลาย อย่าลังเลใจให้เสียเวลา ซื้อตั๋วเครื่องบิน สิงคโปร์ แพคกระเป๋าพร้อมแล้วเดินทางไปตามล่าหาที่เที่ยวสิงคโปร์แบบคูลๆกันเลยดีกว่า

คุณ
คุณ
เจ้าของเพจเที่ยวตามใจคุณนะครับ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคน หวังว่าบทความท่องเที่ยวที่เขียนขึ้นมาจะเป็นประโยชน์นะครับ แล้วมาคุยกันนะครับ

บทความน่าสนใจ