บทความนี้จะพาไปเที่ยว Shinjuku/ชินจูกุ กันโดยจะมีเวลาแค่ช่วงเย็นเท่านั้น โดยเพื่อน ๆ จะได้อ่านทิปส์การขึ้นตึกฟรีชมวิวจากชั้น 45, พาไปกินหมูทอดทงคัตสึที่แม่ค้าใจร้อนซะยิ่งกว่าไฟ, ถ่ายรูปสติกเกอร์พุริคุระ , ตามล่าก็อตซิลล่าแลนด์มาร์คของชินจูกุ และเดินเล่นในตรอกโอโมอิเดะ โยโกโช
จากบทความก่อนที่ไปเที่ยวคาวากุจิโกะ และงานฟูจิชิบะซากุระ คลิกอ่าน
เราก็เดินทางกลับจากคาวากุจิโกะเข้าสู่โตเกียว รถบัสมาลงที่สถานีชินจูกุประมาณ 16.30 น. แพลนแรกก็คือไปขึ้นตึก Tokyo Metropolitan Government Building ซึ่งเป็นตึกที่จะให้เพื่อน ๆ ได้ชมวิวเมืองโตเกียวได้ฟรี โดยไม่เสียตัง
จะใช้เวลาเดินจากสถานีรถบัสชินจูกุ ประมาณ 15 – 20 นาที
แต่วิวก็คือดีงาม เป็นวิวเมือง ยิ่งใหญ่ เหมือนอยู่นิวยอร์ค อะไรประมาณนี้ แต่นี่มันคือโตเกียว มหานครที่ใหญ่ ใหญ่กว่านิวยอร์คซะอีก และที่สำคัญมันคือเมืองที่มีประชากรหนาแน่นมากที่สุดในโลก เดินข้ามถนนทีก็จะชนกันอยู่แล้ว
สำหรับใครที่กำลังแพลนมาเที่ยวชินจูกุ และไปต่อในย่านต่าง ๆ ซื้อตั๋วรถไฟใต้ดิน เที่ยวคุ้ม ไม่ต้องซื้อตั๋วแยก ไม่งั้นแพงแย่เลย
อันนี้คือตึกที่อยู่ตรงข้ามกับ Tokyo Metropolitan Government Tower
ชมวิวฟรี ตึก Tokyo Metropolitan Government Building
ตึก Tokyo Metropolitan Government Tower เป็นหนึ่งในตึกสูงย่านชินจูกุที่ เปิดให้ขึ้นไปชมวิวชั้นที่ 45 ที่ระดับความสูง 202 เมตร คุณจะได้ชมวิวเมือง ที่จะได้เห็นตึกเล็กใหญ่ไปจนสุดสายตา
วิธีการขึ้นตึก
พิกัดที่ตั้ง : 2 Chome-8-1 Nishishinjuku, Shinjuku City, Tokyo 163-8001
1. เดินเข้ามาในตัวตึก เดินเข้ามาชั้นสอง แล้วก็ลงบันไดเลื่อนตัวนี้เพื่อไปชั้นหนึ่ง เพื่อไปยังลิฟต์ที่จะพาขึ้นไปยังชั้น 45
2. ถ้าหากต้องการขึ้นไปชมวิวบนตึกนี้ ปกติแล้ว เค้าจะเปิดให้ชมทั้ง North และ South แต่ช่วงที่เรามา เค้าเปิดให้ขึ้นชมแค่ทางใต้เท่านั้น คนก็เลยต่อแถวเพื่อขึ้นตึกกันซะยาว
ตึก South จะเปิดให้เข้าชมตั้งแต่ 9.30 น. – 23.00 น. ครับ และจะปิดทุกวันอังคาร ที่ 1 และ ที่ 3 ของทุกเดือนครับ
3. ยืนรอเพื่อต่อคิวขึ้นลิฟต์ประมาณ 15 นาที แต่ก่อนขึ้นลิฟต์ก็จะมีการตรวจกระเป๋าเพื่อรักษาความปลอดภัยด้วย
4. ขึ้นลิฟต์ และชมบรรยากาศวิวเมืองก่อนพระอาทิตย์ตก ก็สวยดี ถือเป็นกิจกรรมแบบประหยัดที่ควรค่าแก่การมาที่นึง ถ้าหากมาในย่านชินจูกุ
ปล. ตึก North เค้าปิดปรับปรุงไปจนถึงมกราคมปี 2020 นะครับ ดูรายละเอียดในป้ายประกาศได้เลย
บรรยากาศโตเกียว ก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ดูเป็นบรรยากาศที่สงบมาก
ร้านอร่อยในชินจูกุ ร้านหมูทอดทงคัตซึ Tonchinkan
เริ่มเย็นแล้ว หิวก็หิว วันนี้ก็ต้องไปหาของอร่อยทานกันหน่อย อยากกินเนื้อสัตว์แบบจุก ๆ ร้านนี้ชื่อว่า Tonchinkan คือร้านขายหมูทอดทงคัตสึ
พิกัด : 1-chōme-13-8 Nishishinjuku, Shinjuku City, Tōkyō-to 160-0023 ญี่ปุ่น
ความอร่อยให้ไปเลย เนื้อหมูหนา นุ่ม และทอดกรอบ ๆ รสชาติซอสที่ให้มาเข้ากัน อร่อย แต่ร้านนี้ให้บริการแบบเร็ว ๆ คือคุณจะต้องสั่งให้เรียบร้อยก่อนที่จะเข้ามาในร้าน พอเข้ามานั่ง เค้าก็เตรียมน้ำ เตรียมอุปกรณ์ทานอาหารให้เรียบร้อย
ไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟ รีบเสิร์ฟ รีบกิน รีบไปนะจ๊ะ เค้าไม่ให้นั่งแช่นาน ๆ แขกคนอื่นเค้าจะทานกันบ้าง
ถ้าเพื่อน ๆ กำลังมองหาร้านหมูทอดทงคัตสึอร่อย ๆ ก็มาลองที่ร้านนี้ได้เลย
อิ่มแล้ว ก็ต้องไปเดินเที่ยวต่อ ถ้าใครมาชินจูกุแล้วไม่ได้เห็นก็อตซิลล่าก็ถือว่ามาไม่ถึงชินจูกุแน่ ๆ
คีบตุ๊กตา และถ่ายรูปพุริคุระ/purikura
เราก็เลยเดินเล่นกันไปเรื่อย ๆ ชมแสงสี ร้านอาหาร แต่ก็มาสะดุดกับร้านเกมส์ ร้านเกมส์มีตู้คีบตุ๊กตาเยอะมาก แต่สิ่งน่าสนใจของเราก็คือตู้ถ่ายรูปพุริคุระ
มาถึงญี่ปุ่นก็ต้องถ่ายรูปสไตล์ญี่ปุ่น ๆ แบ๊ว ๆ กันซะหน่อย ที่นี่ทุกอย่างเป็นแบบบริการตัวเอง คือแลกเหรียญ แล้วเอาเหรียญมาหยอดตู้ถ่ายรูป เข้าไปถ่ายเอง จัดมุมกล้องเอง แล้วก็ตกแต่ง แล้วก็ปริ้นท์ออกมา ทุกอย่างคือ DIY > Do It Yourself!
ที่เราชอบตู้ถ่ายรูปพิริคุระ คือมันจะให้เราเลือกว่าเราอยากถ่ายรูปกี่คน แล้วแต่ละคนทำท่าอะไรบ้าง เราก็แค่ทำตาม ไม่ต้องคิดเอง มันก็จะได้รูปที่สมส่วน ดูมีสตอรี่ น่ารัก ๆ แบบนี้ 555
เป็นกิจกรรมที่สนุก ได้ทำเองทุกขั้นตอน แล้วยังได้ภาพถ่ายเป็นที่ระลึกกลับบ้านด้วย
สนนราคาแค่ 400 เย็น ได้รูปเอามาตัดแบ่งกันได้คนละอันพอดี
ภารกิจตามล่าก็อตซิลล่าของเราก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์
ก็อตซิลล่า ชินจูกุ
เราเดินเที่ยวกันต่อในชินจูกุ มันเป็นย่านที่มีแสงสีตลอดเส้นทาง มีร้านอาหารร้านขายของ ร้านสะดวกซื้อ drug store สำหรับสาว ๆ ที่อยากจะมาช้อป และมีร้านเสื้อผ้าแบรนด์เนมมากมาย
เราเดินมาเรื่อย ๆ จนถึงถนนที่ชื่อว่า Chuo Dori ซึ่งจะเป็นถนนสั้น ๆ เล็ก ๆ ที่เราจะได้เห็นพี่ก็อตซิลล่ากันที่นี่ หากใครที่ไม่รู้ คงคิดว่าตึกนี้เป็นตึกเกมส์หรืออะไรแบบนั้น ความจริงแล้วตึกนี้เป็นโรงแรม Hotel Gracery ซึ่งเค้ามีธีมเป็นก็อตซิลล่า และข้างในยังมีห้องนอนพิเศษที่ตั้งติดกับก็อตซิลล่า ให้นอนสบตากันแบบปริบ ๆ เลย
ในย่านนี้มีร้านขายของเยอะมากทั้ง Matsumoto Kiyoshi, ดองกี้โฮเต้ ให้ช้อปละลายเงินเยนก่อนกลับ ที่สำคัญหลายร้านเป็นแบบ Tax Free หรือจะเป็นราเมงข้อสอบก็มีสาขาที่นี่ ดังนั้นถ้ามาเที่ยวชินจูกุก็ลองจด ๆ สิ่งที่อยากทำเอาไว้นะครับ
โอโมอิเดะ โยโกะโช/ Omoide Yokocho ถนนแห่งความทรงจำ
อีกหนึ่งในสถานที่ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาชินจูกุก็คือถนนโอโมอิเดะ โยโกะโช/ Omoide Yokocho หรือถนนสายความทรงจำ ซึ่งตอนแรก เราก็ถอดใจแล้วหล่ะ ว่าหายังไงก็หาไม่เจอ เพราะกูเกิ้ลแมพ มันช้ามาก ก็เลยล้มเลิกแผน เดินขึ้นรถไฟกลับบ้านกันดีกว่า แต่เราคงจะโชคดี เพื่อนเราหันไปเห็นซอยเล็ก ๆ นางก็เรียกให้กลับมา แล้วก็ดีใจยกใหญ่เหมือนถูกหวย ว่าเจอแล้ว เจอแบบไม่ทันตั้งตัว
พิกัด : Omoide Yokocho
หรือถ้าหากใครหาไม่เจอ ก็เสิร์ชสถานีรถไฟ Shinjuku-nishikuchi Station หรือจะมองหาสะพานสีเขียว ๆ ใหญ่ ๆ นั่นแหละ ซอยมันจะซ่อนอยู่แถวนั้น
โอโมอิเดะ โยโกะโช/ Omoide Yokocho เป็นย่านที่เต็มไปด้วยร้านอาหารและร้านดริงค์ มันเป็นแหล่งของกินชื่อดังอันดับต้น ๆ ของชินจูกุในโตเกียวก็ว่าได้โดยจะมีลักษณะเป็นเส้นทางเดินเล็ก ๆ และร้านก็เล็กมาก ๆ นั่งได้แค่ 10 คนเท่านั้นเอง
แต่ที่นี่เป็นที่นิยมของคนญี่ปุ่น ที่หลังเลิกงานจะมาสังสรรกับเพื่อน ๆ ซึ่งเรามาก็เกือบสี่ทุ่มแล้ว คนก็เต็มทุกร้าน เสียงพูดคุย เฮฮากันตลอดทั้งสาย
เดินเล่นได้สักพัก ก็หมดแรง ต้องขอลากเอาร่างโทรม ๆ กลับโฮสเทลกันก่อน อ่านบทความท่องเที่ยวโตเกียวอื่น ๆ ได้ทางลิงค์ข้างล่างเลยนะครับ
แล้วอย่าลืมกดไลค์ กดแชร์ บทความนี้กันด้วย ขอบคุณครับ