เที่ยวตามใจคุณวันนี้ เป็นวันที่ 4 แล้วในโตเกียว เราจะพาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวต่อกันที่ศาลเจ้าเมจิ/Meji Shrine ฮาราจูกุ ไปกินเครปเย็นที่ไม่ควรพลาด แล้วไปต่อกันที่ชิบูย่าครับ
ตลอดทั้งทริป เราเลือกการเดินทางด้วยรถไฟใต้ดิน เราซื้อเป็นตั๋วแบบรายวัน ซึ่งคุ้มกว่าจ่ายแยกเป็นครั้ง ๆ อย่างแน่นอน เพราะเราไปหลายที่ ขอแนะนำเลยสำหรับคนที่แพลนเที่ยวเยอะ
เราออกเดินทางไปเที่ยวย่านฮาราจูกุวันนี้กันสายหน่อย กว่าจะเตรียมตัวออกจากโฮสเทลได้ก็ 10 โมงแล้ว เราเดินทางจากสถานี Kuramae ไปยังสถานี Meiji-jingumae “Harajuku station” ด้วยรถไฟสาย Oedo และไปต่อรถไฟสาย F (Fukutoshin) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาทีก็ถึงครับ เมือถึงสถานี Meiji-jingumae “Harajuku station” ให้เดินต่อไปอีกนิดนึงก็จะถึงครับ
ออกมาจากสถานี เดินนิดหน่อย ก็จะเจอกับเสาไม้โทริอิขนาดใหญ่ ที่เป็นสัญลักษณ์ของทางเข้าสู่ศาลเจ้า คนญี่ปุ่นจะโค้งคำนับหนึ่งครั้งก่อนที่จะเดินผ่านเสาโทริอิ
ศาลเจ้าเมจิ/Meji Shrine
บรรยากาศทางเข้าศาลเจ้าร่มรื่นมาก แต่วันนี้ฝนตกปรอย ๆ ก็จะเห็นคนกางร่มกับเพียบ คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะใช้เป็นร่มใส ๆ อย่างที่เราจะเห็นกันได้ทั่วไป มีหลายขนาดมาก หลายคนแนะนำว่าถ้ามาญี่ปุ่น ก็ควรซื้อร่มกลับไปใช้ เพราะมันแข็งแรงและมีสไตล์
เดินเข้ามาสัก 5 นาทีก็จะเจอกับถังบ่มไวน์ขนาดใหญ่ วางเรียงรายกันอยู่
ฝั่งตรงกันข้ามก็จะมี ถังเหล้าสาเกหลากสีสัน มันกลายเป็นภาพจำที่ใคร ๆ ที่มาศาลเจ้าเมจิก็ต้องมาถ่ายรูปกับถังสาเกนี้เอาไว้เป็นที่ระลึก จากจุดนี้จะต้องเดินอีกประมาณ 5 นาทีกว่าจะถึงศาลเจ้าหลักครับ
ศาลเจ้าเมจิเป็นอีกหนึ่งในศาลเจ้าที่โด่งดังมาก ๆ ของโตเกียว เนื่องจากจำนวนคนที่แห่กันมาสักการะ ขอพร กันในแต่ละปี และที่ตั้งที่อยู่ใจกลางเมือง จึงทำให้ศาลเจ้าเมจิกลายเป็นสถานที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยว หรือแม้แต่คนญีปุ่นเอง
ศาลเจ้าเมจิถูกสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับจักรพรรดิเมจิและพระมเหสี ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ศาลเจ้าเมจิได้ถูกทำลายลง แต่ก็ได้มีการบูรณะและสร้างขึ้นมาใหม่จนถึงปัจจุบัน
ก่อนเข้าสู่ศาลเจ้าหลัก ทางซ้ายมือจะมีที่สำหรับล้างมือ ซึ่งเป็นธรรมเนียมที่จะต้องทำก่อนเข้าศาลเจ้าทุกที่ในญี่ปุ่น สิ่งที่ควรทำคือล้างมือซ้าย ล้างมือขวา และบ้วนปาก แต่พยายามอย่าให้น้ำกระเด็น และอย่าใช้ปากกับกระบวยโดยตรง
โทริอิไม้ ก่อนเข้าสู่ศาลเจ้าหลัก
ทำบุญ ขอพร ศาลเจ้าเมจิ
บริเวณนี้เป็นบริเวณศาลเจ้าหลัก จะเป็นจุดที่คนมาทำบุญ และขอพร ศาลเจ้าเมจิไม่ได้เพียงมีชื่อเสียงทางด้านการทำบุญ ขอพร เพียงเท่านั้น แต่คนญี่ปุ่่นก็นิยมมาทำพิธีแต่งงานกันที่วัดแห่งนี้ด้วย ถ้าหากโชคดีเพื่อน ๆ ก็จะได้เห็นเจ้าบ่าว เจ้าสาว มาทำพิธีกรรมในบริเวณวัด
วิธีการขอพรมีดังนี้
- โยนเหรียญ 5 เยน
- ตามด้วยก้มโค้งคำนับอีก 2 ครั้ง
- ตบมือ 2 ครั้ง และขอพร
- ก้มโค้งอีก 1 ครั้ง เป็นอันเสร็จพิธี
ข้างหน้าศาลเจ้าหลักจะมีต้นไม้ต้นใหญ่มาก แผ่กิ้งก้าน และบริเวณต้นจะล้อมด้วยแผ่นป้ายขอพร (Ema) สามารถซื้อได้ในราคาแผ่นละ 500 เยน เพื่อเขียนขอพรจากเทพเจ้า จะมีการทำพิธีทุกเช้า ส่วนมากคนจะขอพรด้านสุขภาพ ธุรกิจ การงาน ความรัก และการเรียน
แอบเห็นป้ายมีหลายภาษามาก และคนไทยก็มาเขียนขอพรกันที่นี่เยอะเหมือนกัน
กล้องมาก็ต้องโพสต์หน่อยจ้า
หลังจากที่ทำบุญ ไหว้พระ ซื้อเครื่องรางความรักจากศาลเจ้าเมจิเรียบร้อยแล้ว เราก็วางแผนว่าจะไปเดินเล่นกันในย่านฮาราจูกุ เราเดินตรงลงมาจากทางศาลเจ้า ก็จะเจอกับห้าง Tokyu Plaza ซึ่งเป็นหนึ่งจุดที่ใคร ๆ ก็ต้องมาถ่ายรูป เพราะมันถือเป็นหนึ่งสถานที่ในย่านนี้ที่ถ่ายรูปลง Instagram แล้วสวยมาก
เพราะทางเข้าของห้าง Tokyu Plaza ประดับด้วยกระจกเงาที่ตัดเป็นเหลี่ยมมากมาย พอมองไปแล้วมันเหมือนตึกแห่งโลกอนาคต จะเห็นภาพสะท้อนจากหลาย ๆ มุม ดูเก๋มาก
ตอนนี้ก็ได้เวลาอาหารเที่ยงแล้ว ท้องเริ่มร้อง เราก็รีเสิร์ชหาร้านอร่อยในย่านนี้ ก็ได้พบกับร้านเทมปุระร้านนี้
ร้านเทมปุระอร่อย ย่านฮาราจูกุ
เราไปกินข้าวหน้าเทมปุระกันที่ร้าน Tenya Tendon Soba Udon ร้านนี้เป็นร้านที่มีคนมารีวิวเยอะมาก เพราะรสชาติที่ถูกปาก และราคาสบายกระเป๋า
พิกัด : 〒150-0001 東京都渋谷区神宮前4丁目4−31 原宿TKビル
เราสั่งเป็น New All Star Tendon ราคาอยู่ที่ 720 เยนเอง ส่วนตัวแล้วชอบรสชาติของอาหารมาก เพราะมันกรอบ เราสั่งเป็นกุ้งและปลาหมึก สดดี แล้วราคาก็ไม่แพงด้วย
เติมพลังกันเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาไปเดินเล่นกันที่ย่านฮาราจูกุกันเลย ถนนสายหลักของย่านนี้ก็คือถนนทาเคชิตะ/Takeshita Street ซึ่งเป็นแหล่งรวมวัยรุ่น ร้านขายเสื้อผ้า และร้านขนมต่าง ๆ มากมายเราไปชมบรรยากาศพร้อม ๆ กันเลยครับ
ช้อปและกินขนมที่ถนนทาเคชิตะ/Takeshita Street
หลังจากที่ฝนตกไปตอนเช้า ตอนบ่าย ๆ คนเริ่มเยอะ ดูถนนนั่นสิครับ แทบไม่มีทางเดินเลย
ร้านส่วนใหญ่จะเป็นร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องสำอาง ของฝาก ตุ๊กตาต่าง ๆ แล้วก็มีร้านประเภท drug store อยู่หลายร้านด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีร้านไดโซะ ขายทุกอย่าง 100 เยน และร้านที่เราชอบก็คือร้าน BIC Camera ที่ขายอุปกรณ์อิเล็คทอรนิกส์ และอุปกรณ์เสริมสำหรับกล้องและมือถือมากมาย
และที่พลาดไม่ได้เลยถ้าหากมาเดินเที่ยวย่านฮาราจูกุนั่นก็คือการกินเครปเย็น สมัยก่อนประเทศไทยก็ฮิตมากกับเครปเย็นแต่ตอนนี้หากินได้ยากมาก เรามาถึงต้นกำเนิดเครปเย็นของญี่ปุ่นแล้ว ก็ต้องไม่พลาดแน่ ๆ งานนี้
เราเดิน ๆ ดูในถนนทาเคชิ มันมีร้านเครปหลัก ๆ อยู่ประมาณ 2 ร้านคือร้าน Santa Monica และ Marion Crepe เราเลือกลองเป็นร้าน Santa Monica ครับ แล้วก็สั่งเป็นสตอเบอร์รี่ชีสเค้ก พร้อมไอศครีมด้วย
เดินเหนื่อย ๆ ได้กินเครป ก็สดชื่นดีเหมือนกัน
ช่วงบ่าย ๆ จะเห็นนักเรียนมาเดินเที่ยวกันเต็มเลย
เดินเที่ยวย่านชิบูย่า/Shibuya
ช้อปกันจุใจแล้ว เราก็เดินทางไปเที่ยวชิบูย่ากันต่อ เราเลือกเดินทางด้วยรถไฟใต้ดิน งานนี้ต้องใช้บัตรที่ซื้อมาให้คุ้ม เราเดินทางจากสถานี Meiji-jingumae ’Harajuku’ Sta. ไปยัง Shibuya ด้วยรถไฟสาย F โผล่ออกมาจากสถานีรถไฟที่ทางออกของรูปปั้น Hachiko เจ้หมาซื่อสัตย์ที่รอคอยเจ้านายกว่าหลายปี
รูปปั้นฮาจิโกะเป็นจุดนัดพบของหลาย ๆ คนที่มาเที่ยวย่านชิบูย่าครับ แต่ตอนที่เรามาคนเยอะมาก ต่อคิวถ่ายรูป อาจจะทำให้หาเพื่อนที่นัดไว้ยากสักหน่อย
จุดที่นัดแล้วหาเจอง่ายกว่านั้นก็คือกำแพงฮาจิโกะ หรือรถไฟคิตตี้ที่เป็น Tourist Information Center นั่นเอง
รูปปั้นฮาจิโกะ/Hachiko
ฮาจิโกะเป็นสุนัขพันธุ์อากิตะ เรื่องราวของฮาจิโกะถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ โด่งดังไปทั่วโลก ฮาจิโกะจะมานั่งรอเจ้าของกลับจากที่ทำงานที่สถานีรถไฟชิบูย่าในกรุงโตเกียวทุกวัน โดยวันหนึ่งที่เจ้านายของมันได้จากไปด้วยอุบัติเหตุเส้นเลือดในสมองแตก ด้วยความซื่อสัตย์ที่มีต่อเจ้านาย ฮาจิโกะจะมารอเจ้านายของมันทุกวัน โดยไม่รู้เลยว่าเจ้านายของมันจะไม่มีวันกลับมา
และข้างหลังฮาจิโกะก็คือห้าแยกชิบูย่าที่คนนับพันกำลังรอบข้ามถนนกันอยู่ ครั้งหนึ่ง ๆ จะมีคนข้ามถนนกว่า 2.5 พันคนโดยประมาณ เป็นภาพที่แปลกตามาก ๆ ได้เห็นคนพยายามข้ามถนนในเวลาเดียวกันไปใน 5 ทิศทาง บ้างก็ลงมาถ่ายรูปก็มี
5 แยกชิบูย่า
ภาพนี้เป็นภาพถ่ายตอนกลางคืนจาก Tokyu Department Store ที่อยู่ติดกับสถานีรถไฟ เนื่องจากเราไม่ได้ไปทานกาแฟสตาร์บั๊คเพื่อดูวิว แต่มุมตรงนี้ก็ถือว่าไม่แย่เลยครับ แต่น่าเสียดายที่มันจะไม่ค่อยชัดสักเท่าไร เพราะมันค่อนข้างไกล และกระจกจะมีลายน้ำ
ในย่านชิบูย่ามีร้านเสื้อผ้าแฟชั่นมากมาย ร้านเครื่องสำอางก็เยอะ แต่เราสะดุดกับร้าน Disney Store ข้างในจะมี 3 ชั้น ให้เดินรอบ ได้เป็นวงกลม มีของฝาก ของใช้จากตัวละครในดิสนีย์มากมาย และยังมีพื้นที่ตกแต่งน่ารัก ๆ หลายมุมด้วย
ของน่าซื้อไปหมดเลยย
ร้านซูชิสายพาน Genki Shushi ย่านชิบูย่า
ถ้ามาญี่ปุ่นก็ต้องมาลองซูชิสายพานอย่างน้อยหนึ่งครั้ง เราเลือกกินที่ร้าน GENKI Shushi
พิกัด : 〒150-0042 東京都渋谷区宇田川町24−8
เรารู้สึกตื่นเต้นกับการมาร้านซูชิสายพานมาก บอกเลย เพราะเราจะต้องสั่งอาหารผ่านแท็บเล็ตด้วยตัวเอง แล้วคือมันงง ๆ มาก ว่าอะไรอยู่ตรงไหน
พวกแก้วน้ำ จาน จะอยู่ด้านบน เราสามารถเอาแก้วน้ำลงมากดน้ำร้อนที่อยู่ข้างหน้าเราได้เลย แล้วเขาจะมีผงชาเขียวให้ใส่ด้วย เราใส่เยอะ รสชาติเข้มข้น ชอบ ๆ
ส่วนสายพาน ที่นี่จะเป็นสายพานแบบ 3 ชั้น ระบบจะก็เหมือนร้านซูชิทั่วไป พอซูชิมาหยุดที่ข้างหน้าเรา ก็แค่หยิบ แล้วเดี๋ยวมันจะเด้งคืนไปเอง
แต่จะต้องคอยสังเกตว่าซูชิมันมาที่ชั้นไหน เพราะบางครั้งมันมาชั้นสาม มันอยู่สูงเกินสายตาเรา เราก็ไม่ได้มองเหมือนกัน
กินเสร็จแฮปปี้ โดนไปเกือบ 2,000 เยน คืนนี้ก็แฮปปี้แล้ว
สำหรับวันนี้ก็ขอจบทริปเที่ยวย่านฮาราจูกุและชิบูย่าเพียงเท่านี้นะครับ หวังว่าทุกคนจะชอบและฝากติดตามการเที่ยวโตเกียววันอื่น ๆ ของเราต่อด้วยตามลิงค์ด้านล่างนี้เลย