กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมไปแล้วสำหรับ Starbucks Reserve Roastery ที่เปิดใหม่ที่เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ที่เปิดเป็นร้านกาแฟสไตล์ญี่ปุ่น วันนี้เที่ยวตามใจคุณจะพาไปเที่ยวชมสตาร์บัคส์ที่เป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ขอเกริ่นก่อนเลยว่า สตาร์บัคส์สาขานี้เค้ามีความน่าสนใจหลายอย่าง ตัวเราเองเคยไปสตาร์บัคส์สาขาที่เคยเป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่เมือง Seattle มาแล้ว แต่ตอนนั้นไม่ได้รู้สักประทับใจอะไรมากมาย แต่มาครั้งนี้ Starbucks ที่เมืองโตเกียวเอาใจเราไปเลย ถ้าพร้อมแล้วไปชมกันได้เลย
การเดินทางมายัง Starbucks Reserve Roastery โตเกียว
เราเดินทางโดยรถไฟฟ้ามาที่สถานี Shibuya แล้วก็มาต่อรถบัส ซึ่งรถบัสขึ้นสาย 41 ประมาณ 10 นาทีก็ถึง
หรือจะเดินทางโดยรถไฟมาลงที่สถานี Naka-Meguro แล้วก็เดินต่อประมาณ 15 นาทีก็ถึงครับ
เวลาทำการ
7.00 – 23.00 น.
พิกัดร้าน
153-0042 2-19-23 Aobadai, Meguro-ku, Tokyo
Starbucks Reserve Roastery สาขากรุงโตเกียวเปิดตัวครั้งแรกในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ปี 2019 และถือเป็นสาขาที่ 5 ของโลกตามหลังสาขาใน Seattle (2014), Shanghai (2017), Milan และ New York (2018)
ภายนอกของอาคารดูยิ่งใหญ่ เป็นตึก 4 ชั้น มีความเรียบง่ายตามสไตล์ญี่ปุ่น สีทั้งข้างในและข้างนอกใช้เป็นสีโทนอุ่น ออกแนวสีไม้ ๆ ครีม ๆ และทางเข้าก็จะมีพนักงานหนุ่มหล่อคอยยืนต้อนรับ เปิดประตูเชิญให้เราเข้าไปด้วย
สำหรับใครที่วางแผนจะมาที่สตาร์บัคส์ โตเกียวนี้ ให้วางแผนเวลาดี ๆ เพราะวันที่เรามาเป็นวันศุกร์ มาถึงก็เกือบ 11 โมงแล้ว คนแน่นมาก หาที่นั่งแทบจะไม่ได้แล้ว ต้องขึ้นไปนั่งชั้นบนสุด
เราโชคดีมากที่ไม่ต้องจองคิว เพราะถ้าหากมาวันที่คนเยอะ ๆ จะต้องไปรับคิวก่อน แล้วก็ต้องรอยาวไปนะครับ
พอเดินผ่านประตูเข้ามา เค้าก็จะมีป้ายใหญ่โต แนะนำสาขา
ชั้นที่ 1 ของ Starbucks Reserve Roastery - Roaster
ชั้นที่หนึ่งเป็นชั้นของคอกาแฟ จะมี Main Roaster ซึ่งเป็นเครื่องคั่วกาแฟตัวหลักที่เอาไว้เป็นจุดดึงดูดสายตานักดื่มกาแฟ ชั้นนึ้เราว่าเป็นชั้นที่น่าตื่นเต้นที่สุด เพราะจะได้เห็นขั้นตอนการคั่วกาแฟ และได้เห็นกาแฟวิ่งตามสายพานไปยังเครื่องคั่ว
ตลอดเวลาที่อยู่ในชั้นนี้จะได้กลิ่นกาแฟ หอมไปทั่วทั้งชั้น
และถ้าหากเพื่อน ๆ ต้องการดื่มกาแฟ หรือสั่งเครื่องดื่ม ก็สามารถสั่งได้ที่เคาน์เตอร์ที่ชั้นนี้เลย
และถ้าหากโชคดีมีที่นั่งหน้าบาร์ ก็จะได้ดูบาริสต้าหนุ่มหล่อ สาวสวย ชงกาแฟให้กับมือ
นอกจากนี้ที่ชั้นนี้ยังมีกิมมิคเล็ก ๆ ที่เราชอบคือที่ Cracker Board จะเป็นกระดานที่มีการแปลเนื้อหาอยู่ตลอด ตอนแรกเค้าแจ้งข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับร้าน แล้วก็เปลี่ยนเป็นตราสัญลักษณ์ของทางร้าน ในบางเหตุการณ์สำคัญ อย่างตอนที่ญี่ปุ่นเปลี่ยนเข้าสู่ยุคเรวะ ทางสตาร์บัคส์เค้าก็เปลี่ยนบอร์ดนี้ด้วยเช่นกันเพื่อต้อนรับศักราชใหม่
หลังจากที่เราสั่งกาแฟเรียบร้อยแล้ว เราก็กลับไปหาที่นั่ง เพราะต้องรอกาแฟกว่า 30 นาที นานอยู่นะ
นอกจากกาแฟแล้วที่ชั้นนี้ยังมีโซนขายขนมปังอบ ดูน่ากินมาก ๆ แล้วก็มีของที่ระลึกขายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแก้วน้ำ ขวดน้ำ กระเป๋า ถุงผ้า และอีกมากมาย แล้วเราจะพลาดได้ไง ก็ต้องซื้อติดไม้ติดมือกลับมาบ้าง
หลังจากที่รอกาแฟไปกว่า 30 นาที ก็ได้เวลา อุปกรณ์จะสั่นให้เราลงมารับกาแฟ
นี่เป็นเครื่องดื่มที่ทางเว็บไซต์สตาร์บัคส์เค้าแนะนำ คลิกที่นี่เพื่อดูเมนูอื่น ๆ เพิ่มเติมได้เลยครับ
เราสั่งเป็น ICED MACCHIATO CON CREMA แล้วก็มีขนมปังและครัวซองต์ ขนมปังอร่อยอะ ชอบ ๆ
กำแพงที่ประดับด้วยแก้วกาแฟสีขาว เก๋มาก ๆ
ชั้นที่ 2 ของ Starbucks Reserve Roastery - Teavana
ชั้นที่สอง โซน Teavana ซึ่งเหมาะมากสำหรับคนรักชา แค่ก้าวขาขึ้นมาชั้นที่สอง กลิ่นชาที่กำลังถูกชงอยู่ห้อมฟุ้งมาก กลิ่นหอมออกแนวผลไม้ จนต้องเดินเข้าไปชิม
ที่ Teavana Bar นี้ เพื่อน ๆ สามารถเข้าไปดมกลิ่นใบชา แล้วก็ลองชาได้ฟรีเลยครับ ถ้าหากชอบก็สามารถสั่งแพคเก็จกลับบ้าน หรือจะสั่งเป็นแก้วนั่งทานที่นี่ก็ได้เช่นกัน
ชั้นที่ 3 ของ Starbucks Reserve Roastery - Arriviamo Bar
ชั้นที่สามเป็นชั้นของ Arriviamo Bar ที่ Starbucks เคลมว่าเป็นนวัตกรรมของการนำชาและกาแฟมาผสมกับแอลกอฮอล์เพื่อเป็นค็อกเทล รสชาติต่าง ๆ ที่ชั้นนี้จะมีบาร์เครื่องดื่มขนาดใหญ่ เห็นแล้วดูโอ่อ่าอลังการกว่าชั้นอื่น ๆ เลย
ชั้นที่สี่ Inspiration Lounge เป็นโซนที่สามารถออกไปชมบรรยากาศด้านนอกได้ พื้นที่หลัก ๆ ของชั้นนี้ก็คือจะเป็นโซนนั่งชิล กินกาแฟ และมีโซนที่มีโต๊ะประชุมขนาดใหญ่ ที่ทางสตาร์บัคส์น่าจะน่ามาใช้จัดสัมนาในโอกาสต่อไป
และชั้นนี้ถ้าหากเพื่อน ๆ มองขึ้นไปก็จะเห็นกับท้องฟ้า ที่เค้าได้ทำแบบเปิดโล่งเอาไว้ให้แสงลอดผ่าน และถ้าหากมองลงทางด้านล่าง ก็จะเห็นเครื่องคั่วกาแฟ ที่ออกแบบเป็นดอกซากุระ ดูพลิ้วไหว สวยงาม เล่นสะท้อนแสงกับแดดอย่างมาก
ก่อนกลับเราก็เดินถ่ายรูปเล่น และซื้อของที่ระลึกกันด้วย ของที่ระลึกที่นี่น่ารักมาก มีความแปลกใหม่ ไม่เหมือนที่ไหน ๆ
ถ้าให้อธิบายความรู้สึก เรารู้สึกชอบที่นี่มาก ๆ มันชิล ๆ แล้วบรรยากาศภายในร้านถึงแม้ว่าคนจะเยอะมาก แต่มันสบาย ๆ เหมือนทุกคนมาเพื่อจุดประสงค์เดียวกันคือการดื่มด่ำกับบรรยากาศ และกินกาแฟ ชา มองไปทางไหนก็มีแต่คนมีความสุข และที่สำคัญกิมมิคเล็ก ๆ น้อย ๆ และการประดับตกแต่งร้านก็มีความน่าสนใจไม่น้อยเลย ถ้าให้เทียบกับที่ Seattle บอกเลยว่าเราชอบที่นี่มากกว่า!
ถ้าหากเพื่อน ๆ กำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ ๆ ในเมืองโตเกียว Starbucks Reserve Roastery แห่งนี้น่าจะเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ต้องปักหมุดเอาไว้ในทริปอย่างแน่นอนครับ
