fbpx
Homeเที่ยวเอเชียมาเลเซียเที่ยว มะละกา ประเทศมาเลเซีย เมืองเล็ก ๆ น่ารักที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และอาหารอร่อย

เที่ยว มะละกา ประเทศมาเลเซีย เมืองเล็ก ๆ น่ารักที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และอาหารอร่อย

Klook.com
- Advertisement -
- Advertisement -

สวัสดีเพื่อน ๆ ชาวเที่ยวตามใจคุณนะครับ วันนี้ผมจะขอนำเพื่อน ๆ ติดล้อรถบัสไปกับผม ไปเที่ยวเมือง มะละกา เมืองเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ และเป็นเมืองที่ผมอยากจะชวนให้มาเที่ยวกัน ถ้าหากมีโอกาสมาเที่ยวมาเลเซีย

วิธีเดินทางไปยังเมือง มะละกา

การเดินทางไปเมือง มะละกา เนื่องจากพวกเราทำงานที่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เราจึงเดินทางจากสถานี Terminal Bersepadu Selatan (TBS) ที่เมือง Kuala Lumpurไปยัง Malacca Sentral โดยรถบัส  ช่วงที่เราจะไปเที่ยวเป็นช่วงหยุดยาว เราจึงได้วางแผนจองตั๋วรถบัสล่วงหน้าผ่านทาง Bus OnlIne Ticket คลิก! ซึ่งถือว่าสะดวกมาก เนื่องจากเราไม่ต้องไปต่อแถวยาวที่สถานีเพื่อซื้อตั๋ว ช่วยประหยัดเวลาไปได้อีก โดยสนนราคาไปกลับอยู่ที่ 28 ริงกิต

เมื่อถึงสถานี เจอกับเพื่อนๆเรียบร้อยแล้ว เราก็ไปต่อแถวเพื่อแลกตั๋วรถบัส สามารถเข้าช่องเขียวได้เลย ไม่มีคนจ้า โดยเราสามารถโชว์ตั๋วผ่านทางมือถือให้เจ้าหน้าที่ได้เลย ไม่จำเป็นต้องปริ้นท์ตั๋วมาให้เปลืองเวลา เปลืองกระดาษ
เมื่อถึงเวลา เราก็จะต้องเดินผ่านเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจตั๋ว และไปรอที่ Gate ตามที่ตั๋วกำหนดไว้
รถบัสวันนี้ออกตรงเวลา สิ่งแรกที่เราพูดกับเพื่อนคือ “แกร๊ ที่นั่งมันสบายอะ” ความกว้างของที่นั่งและพื้นที่วางขามีพอเหมาะสำหรับคนสูง 175 ซม. อย่างเรา เราใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ก็ถึงสถานีรถบัสของเมืองมะละกา พอลงสถานี เราจะต้องมองหาป้ายที่เขียนว่า Domestic เพื่อเข้าไปยังตัวเมือง ด้วยความที่ไม่ได้เตรียมข้อมูลอะไรมา พวกเราก็เลยงงเป็นไก่ตาแตก ไม่รู้ว่าจะต้องนั่งรถบัสสายอะไรเพื่อเข้าเมือง โชคดีที่เราเดินไปเรื่อยๆ เจอรถบัสคันหนึ่ง คนกำลังแย่งกันขึ้นเหมือนรถเมล์ฟรีประเทศไทย เซ้นส์ก็เลยบอกว่า มันต้องใช่แน่ๆ เราก็เลยเดินเข้าไปถามพนักงานว่ารถคันนี้ไป City Center หรือเปล่า สรุปว่าใช่ เราก็จ่ายเงินคนละ 2 ริงกิต เราก็ใช้เวลาในการโหนรถบัสกว่า 30 นาที (รถบัสหมายเลข 17 ครับ)

ถึงเวลาออกเที่ยวมะละกา ประเทศมาเลเซีย

เราลงที่ Christ Church Malacca ซึ่งเป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญที่หนึ่งของเมืองนี้ พวกเราแบกกระเป๋าสำภาระกันมา เราเลยเดินไปที่ที่พักเพื่อเอาของไปเก็บก่อน

ที่พักที่เราจองไว้เป็นบ้านใน AirBnB ราคาอยู่ที่  123 ริงกิตสำหรับ 3 เตียง ซึ่งถือว่าราคาไม่แพงนักในช่วงที่เรามา เพราะโรงแรมในช่วง high Season ก็เกือบจะ 200 ริงกิต และไม่ได้อยู่ในแหล่งท่องเที่ยวด้วย
เมื่อมาถึง โฮสต์ก็ทำการต้อนรับเป็นอย่างดี มีการแนะนำส่วนต่างๆของตัวบ้าน ห้องครัว ตอนเช้าเขาจะเตรียมอาหารเบาๆไว้ให้


ห้องพักที่นี่ถือว่าสะอาด เตียงไม่แข็งเป็นไม้กระดาน แต่ข้อเสียก็คือผ้าห่มบางเหมือนกระดาษและไม่มีผ้าเช็ดตัวให้
ทุกคนแฮปปี้กับห้องพักในคืนนี้ แต่สิ่งที่ดีที่สุดก็คือ บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ในโลเคชั่นที่ดีมาก ใช้เวลาเดินไปสถานที่ต่างๆเพียง 3-5 นาทีเท่านั้น  หลังจากที่ทุกคนล้างหน้า ล้างตา เตรียมตัวเที่ยวมะละกา พวกเราทุกคนบ่นหิว และสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ประจำเมืองนี้นั่นก็คือ Chicken Rice Ball  ข้าวมันไก่ปั้นในเมื่อมาถึงแล้ว ก็ต้องจัดไป พวกเราสั่งไก่ย่าง หมูกรอบ ผัดผัก มื้อแรกที่มะละกามันสุดยอดจริงๆ

แล้วก็ถึงเวลาตะลุยรอบเมืองกันซะที

สถานที่แรกที่เราต้องไปนั่นก็คือใจกลางมะละกา

Dutch Square แลนด์มาร์คของเมือง มะละกา


Dutch Square เป็นศูนย์กลางที่มีความวุ่นวาย ดังนั้นจึงต้องระวังทั้งรถยนต์และรถสามล้อแฟนซี งานนี้เอลซ่า แอนนาก็มา
ข้างหลังวงเวียน นั่นก็คือ Christ Church Melacca เป็นโบสถ์โปรแตสแตนท์ที่เก่าแก่ที่สุดในมาเลเซีย เป็นศิลปะไสตล์ดัช โดยอิฐมีการนำเข้าจากฮอลันดาและฉาบเป็นสีแดงทั้งหลัง

โบสถ์เซนต์ ฟรานซิส เซเวียร์ (Church of St. Francis Xanvier)

อีกโบสถ์หนึ่งที่มีความเป็นเอกลักษณ์นั่นก็คือ โบสถ์เซนต์ ฟรานซิส เซเวียร์ (Church of St. Francis Xanvier) ซึ่งเป็นโบสถ์ไสตล์ Gothic มียอดแหลมพุ่ง สามารถเห็นมาได้แต่ไกล


ข้างๆ Dutch Square จะเป็นแม่น้ำมะละกา ที่จะมีเรือบริการให้นั่งชมบรรยากาศโดยรอบ หนึ่งจุดเด่นที่สะดุดตาก็คงจะเป็นป้อมปราการ The Malacca Fort  ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นไปถ่ายรูปได้



ฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำจะเป็นบ้านคน ร้านอาหารและร้านกาแฟที่ตกแต่งได้อย่างน่ารัก ผนังของบ้านเรือนมีการวาดรูป ทาสีได้สวยงามจริงเชียว

St.Paul Church

หลัง Dutch Square จะมี St.Paul Church ที่ตั้งตะหง่านอยู่บนเขา กว่าเราจะทำใจเดินขึ้นเขาได้ก็ใช้เวลาสักพัก โบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1521 จึงทำให้มันเป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดในมาเลเซียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


เราใช้เวลาอยู่บนเนินเขาแห่งนี้สักพัก เนื่องจากมันสามารถมองเห็นวิวเมืองได้โดยรอบ แต่หนึ่งสิ่งที่เราไม่ชอบนั่นก็คือ พ่อค้าแม่ค้าที่ขึ้นมาขายของตามทาง ทำให้เสียทัศนิยภาพอันสวยงาม

Jonker Street

ใครๆที่มามะละกาจะต้องพูดถึง Jonker Street ที่เป็นถนนคนเดินของที่นี่ ตอนกลางคืนจะมีร้านอาหาร ร้านขายของฝาก เสื้อผ้า มาเปิดขายกันอย่างหนาแน่น ถ้าใครไม่รู้จะกินอะไรเป็นอาหารเย็น มาฝากท้องที่นี่ก็แฮปปี้ได้เหมือนกัน




แต่สำหรับพวกเราที่อยากทานข้าวในร้านอาหาร เราก็เลยเดินรอบๆเพื่อหาร้านอาหารใกล้แม่น้ำทาน
แต่สุดท้ายก็มาจบที่ร้านนี้ ร้านนี้เป็นร้านอาหารที่อยู่ใต้ Hostel เราคิดว่าเค้าไปรับอาหารมาจากที่อื่นอีกที จำไว้ว่าร้านนี้มีตัวอักษรภาษาจีนแบบนี้นะครับ

เราสั่งอาหารที่พนักงานแนะนำ รสชาติอาหารก็โอเค ไม่ถูกปากมากนัก หลังจากกินข้าวกันเสร็จ เราก็ไปเดินเล่นที่ Jonker Street  ก่อนกลับที่พัก


หนึ่งสิ่งที่อยากให้ระวังเมื่อเดินเล่นรอบๆเมืองนั่นก็คือ ขี้นก 555 มันคงจะไม่ขำถ้าขี้นกตกใส่เสื้อสวยๆ แล้วยังจะต้องเดินเที่ยวไปทั่งวัน ดังนั้น กระดาษทิชชู่น่าจะพกติดตัวไว้ในยามคับขันพวกเรากลับที่พัก นอนคุยกันได้สักพัก ก็สลบเป็นตาย เนื่องจากเดินเล่นมาทั้งวัน เก็บแรงไว้เดินต่อพรุ่งนี้ดีกว่าถ้าใครจะมามะละกา เตรียมลองเท้าผ้าใบคู่ใจสักคู่ ที่ใส่แล้วเดินสบายมาเถอะ เพราะมันเดินเยอะจริงๆ
ตื่นเช้ามา แทนที่จะเป็นวันที่สดใส แต่เรากลับท้องเสีย วิ่งเข้าห้องน้ำไปหลายรอบ
ตอนแรกก็คิดว่าคงไม่ได้เป็นหนักอะไร เราเลยถามเพื่อนว่าท้องเสียกันไม๊ สรุปทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าท้องเสียเพราะอาหารเมื่อคืนแน่ๆงานเข้าแล้วสิ มาเที่ยวแต่ป่วยได้ซะนี่ จะไปต่อไหวไหม
เช้านี้เราไปทิ้งท้ายกันที่ร้าน Chicken Rice Shop ข้างๆร้านขายของที่ระลึก
ส่วนตัวแล้ว รสชาติไม่ค่อยถูกปากเรามากนัก เนื่องจากเราชอบความเผ็ดเปรี้ยวของน้ำจิ้มที่ไทยมากกว่า ข้าวมันไก่จืดๆแบบนี้ ขอบายละกัน


ก่อนจะกลับ เราเดินไปดู Marine Time museum ตอนแรกกะว่าจะเข้าไปดู แต่ราคาคนละ 10 ริงกิต ก็ขอเดินดูรอบๆก็แล้วกัน

การเดินทางกลับ Malacca Sentral สามารถขึ้นรถบัสจาก Jonker Street ป้ายรถบัสจะอยู่หลังจากป้ายนี้เลยครับ ลองมองหาดู ซึ่งรถทุกคันจะไปที่สถานีรถไฟ ดังนั้นมันจะมาเรื่อยๆ ไม่ได้รอนานอะไรมากนัก

สรุปเที่ยวมะละกา ถ้าไม่ได้ท้องเสียจนต้องเยี่ยมห้องน้ำทุกรูปแบบ ทั้งแบบหลุม แบบยองๆ แบบชักโครกแล้วละก็ มะละกาถือเป็นเมืองที่น่ารัก และเป็นทริปที่ทำให้เราหลงใหลทริปหนึ่งเลยหละ ดังนั้นถ้าหากคุณวางแผนมาประเทศมาเลเซีย อย่าลืมจดบันทึกเมืองมะละกาเอาไว้เป็นหนึ่งในเมืองที่คุณจะต้องมาให้ได้นะครับ
คุณ
คุณ
เจ้าของเพจเที่ยวตามใจคุณนะครับ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคน หวังว่าบทความท่องเที่ยวที่เขียนขึ้นมาจะเป็นประโยชน์นะครับ แล้วมาคุยกันนะครับ

บทความน่าสนใจ