fbpx
Homeเที่ยวเอเชียมาเลเซียชี้ที่เที่ยวมะละกาห้ามพลาด ตามรอยประวัติศาสตร์ และนั่งคาเฟ่สุดชิค

ชี้ที่เที่ยวมะละกาห้ามพลาด ตามรอยประวัติศาสตร์ และนั่งคาเฟ่สุดชิค

Klook.com
- Advertisement -
- Advertisement -

มะละกาเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของมาเลเซียตะวันตก เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ในตัวเมืองยังทิ้งรอยประวัติศาสตร์ให้เราสามารถไปเรียนรู้และติดตามกันได้ง่าย นี่จึงเป็นความน่าหลงใหลของเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้

ช่องแคบมะละกาเป็นช่องทางการเดินเรือที่เป็นยุทธศาสตร์ของโลก เพราะมันถูกขุดให้เป็นเส้นทางที่ง่ายต่อการเดินเรือของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับทั่วโลก ดังนั้นชาติตะวันตกที่เข้ามาทำการค้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงได้เข้ามาล่าอาณานิคม จนมะละกาต้องตกเป็นเมืองอาณานิคมของโปรตุเกส, เนเธอแลนด์ และอังกฤษ เมืองนี้จึงได้รับอิทธิพลจากชาติตะวันตก จนบรรยากาศภายในเมืองบางส่วนแทบจะไม่เหมือนเอเชีย

วันนี้เที่ยวตามใจคุณจะพาทุกคนไปเที่ยวตามสถานที่ที่น่าสนใจในเมืองมะละกา ประเทศมาเลเซีย และแนะนำร้านคาเฟ่ชิค ๆ ในเมืองด้วย รอช้าอะไร ไปเที่ยวพร้อมกันเลย!

Dutch Square (ดัตช์สแตวร์)

ถ้าไม่รู้จะไปเริ่มตรงไหน ให้เรียกแท็กซี่ไปที่จุดศูนย์กลางของเมือง ซึ่งได้รับฉายาว่าเป็น Melaka 0 mile บริเวณ Dutch Square เป็นบริเวณที่มีพื้นที่ที่สวยงามมาก ๆ และถ่ายรูปได้สวยจุดหนึ่งของเมือง ด้วยความที่สถาปัตยกรรมของพื้นที่บริเวณนี้ได้รับอิทธิพลจากชาวดัตช์ในช่วงปี ค.ศ. 1660 – 1700 จึงทำให้มันดูแปลกตากว่าเมืองอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สตัดธิวท์ (Stadthuys)

ในบริเวณเดียวกันนี้ จะเป็นตึกที่เก่าแก่ที่สุดในย่านนี้ ซึ่งในสมัยก่อน อาคาร Stadthuys ถูกใช้เป็นที่อยู่ของผู้ว่าการเมือง และยังถูกใช้เป็นพื้นที่สำหรับประชุมว่าการต่าง ๆ ในปัจจุบันอาคาร Stadthuys ถูกเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อบอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์โบราณคดี และวรรณคดีของมะละกา

โบสถ์คริสต์มะละกา

โบสถ์สีแดง สร้างโดยชาวฮอลันดา ด้วยอิฐที่ขนมาจากฮอลันดา โบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นในปี 1741ใช้เวลากว่า 12 ปี กว่าจะแล้วเสร็จ ซึ่งโบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองในการปกครองเมืองมะละกาของชาวฮอลันดาครบรอบ 100 ปี

น้ำพุหินอ่อน (Queen Victoria’s Fountain Melaka)

น้ำพุหินอ่อน (Queen Victoria’s Fountain Melaka) เป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมที่ยังหลงเหลืออยู่ในปัจจุบันจากอนานิคมของอังกฤษ ซึ่งน้ำพุหินอ่อนนี้สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสพิธีเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติครบ 65 ปีของพระราชินีวิคตอเรียแห่งอังกฤษ

ป้อม A Famosa (เอ ฟาโมซ่า)

หนึ่งในสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่ที่สุดในยุคของโปรตุเกสคือป้อมเอฟาโมซ่า มีอายุราว 500 ปี ก่อนเปลี่ยนมือสู่เนเธอแลนด์ และอังกฤษที่ทำลายจนเหลือแค่ตัวป้อมเท่านั้น 

ซากที่เห็นอยู่ในรูปคือประตู Porta de Santiago ซึ่งมีประวัติโดยย่อดังนี้

  • ในยุคโปรตุเกสเข้ามาล่าอาณานิคม โปรตุเกสได้สร้างป้อม A famosa นี้ขึ้น ซึ่งมีป้อมถึง 4 ป้อม โดย Alfonso de Albuquerque เป็นผู้ควบคุมการสร้าง โดยชาวโปรตุเกาเชื่อว่ามะละกาจะกลายเป็นศูนย์กลางการค้าเครื่องเทศน์กับจีน
  • ต่อมาในปี 1641  ดัตช์เข้ามารุกราน จนได้ครอบครองมะละกา เค้าจึงสลักคำว่า VOC ลงบนประตู
  • และในช่วง19’s อังกฤษเข้ามาปกครอง จึงได้ทำลายป้อมนี้ทิ้ง จนเหลือเพียงซากให้เห็นในปัจจุบัน

โบสถ์เซนต์ปอล

เดินขึ้นเนินมาสักนิด ก็จะพบกับโบสถ์เซนต์ปอล ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขา

ในยุคโปรตุเกสปกครอง โบสถ์นี้เป็นโบสถ์นิกายคาทอลิค เมื่อชาวดัชต์ได้เข้ายึดครองมะละกา ได้เปลี่ยนเป็นโบสถ์ในนิกายโปรเทสแตนท์ และใช้โบสถ์แห่งนี้ต่อมาจนกระทั่งชาวดัชต์ได้สร้างโบสถ์ของตนเองขึ้นใหม่ที่ด้านล่างเชิงเขา

อาคารสร้างด้วยศิลาแลง ข้างในไม่มีหลังคาเนื่องจากมันผุพังไปตามกาลเวลา

ทางด้านหน้ามีรูปปั้นของเซนต์ ฟรานซิส ซาเวียร์ ซึ่งเป็นนักบวชที่ได้เข้ามาเผยแพร่ศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

St Francis Xavier’s Church Melaka

โบสถ์สไตล์นีโอโกธิคที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่นั่น คือโบสถ์นิกายคาทอลิก สร้างขึ้นในปี 1849 เพื่ออุทิศให้กับนักบุญชาวสเปน เซนต์ฟรานซิส ซาเวียร์

แม่น้ำมะละกา

ถ้าหากคุณมีเวลา ลองเดินเล่นรอบ ๆ แม่น้ำมะละกาเพื่อดูผลงานศิลปะที่ทำให้เมืองมะละกาดูมีสีสันกว่าเมืองอื่น ๆ 

หรือจะเลือกนั่งเรือเพื่อชมบรรยากาศในช่วงเย็นก็ดี แต่จะมีค่าใช้จ่ายประมาณคนละ  30 ริงกิต

ภาพข้างล่างนี้เป็นมุมจากร้านคาเฟ่ที่เราไป ซึ่งเป็นมุมที่ทำให้เราเห็นความสวยงามของแม่น้ำมะละกา ว่ามันยังใส มีปลาเยอะมาก

Jonker Street

ถนนคนเดิน Jonker Street จะมีทุกวันศุกร์และวันเสาร์ช่วงเย็นจนถึงเที่ยงคืน เป็นถนนที่มีนักท่องเที่ยวมาเดินเล่นหาของกิน ของฝากเพียบ เป็นถนนที่มีสีสันมากของมะละกาในช่วงวันหยุด

ถ้าใครวางแผนมาเที่ยวมะละกา ต้องมาเดินเที่ยวที่ถนนแห่งนี้ให้ได้ ไม่งั้นถือว่าพลาดมาก ๆ แล้วก็อย่าลืมแวะกินข้าวมันไก่ ที่ปั้นข้าวเป็นก้อนกลม ๆ ด้วยล่ะ

ถนน Jonker มีอาคารเก่า ๆ สวย ๆ เยอะมาก

คนดังเมืองมะละกา

มัสยิดลอยน้ำแห่งมะละกา (Melaka Straits Mosque)

มัสยิดเซลัท นักท่องเที่ยวมักเรียกว่ามัสยิดลอยน้ำ ถูกสร้างบนเกาะ Pulay ซึ่งเป็นเกาะที่ทางรัฐบาลสร้างถมที่ขึ้นมาให้เป็นที่พักและตั้งสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ

โดมของมัสยิดมีสีทอง สวย เห็นมาแต่ไกล

เราไปที่นี่แต่เช้า อากาศกำลังสบาย ๆ เป็นช่วงเช้าที่สงบมาก ๆ เหมือนได้หนีออกมาจากความวุ่นวายในตัวเมือง ได้มองน้ำและท้องฟ้า มันผ่อนคลายมาก ๆ

คาเฟ่ในมะละกา

Ho Cultural Space

ร้าน Ho เป็นสไตล์ร้านคาเฟ่ที่เราไม่คิดว่าจะมีในมะละกา เพราะร้านใหญ่โตมาก มีหลายมุมให้นั่ง และมีการตกแต่งที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร แต่น่าเสียดายตัวเลือกของอาหารและเครื่องดื่มมีไม่มากนัก วันนี้เราก็เลือกเป็นกาแฟมีครีมชีสข้างบน แล้วก็สั่งเป็นพิซซ่าด้วย(หมดก่อน ลืมถ่ายรูป) กาแฟชีสคือดี เข้ากัน ส่วนพิซซ่าจะเป็นแป้งบางกรอบ แป้งสีดำ รสชาติก็โอเค แทนแก้หิวไปด้วย

สำหรับใครที่อยากนั่งชิล ๆ ยาว ๆ ร้านนี้เลยแนะนำ อยู่ห่างจากโรงแรม iBis แค่นิดเดียว 

คาเฟ่ Sin See Tai

คาเฟ่เล็ก ๆ น่ารักในบ้านเก่า ๆ สองชั้นถูกนำมาดัดแปลงให้กลายเป็นคาเฟ่ที่ร่มรื่น บรรยากาศไม่เหมือนใคร ชั้นแรกเป็นส่วนของครัวและกาแฟ ส่วนชั้นที่สองจะมีที่นั่ง 4 – 5 โต๊ะ 

เจ้าของร้านนี้เป็นเจ้าของคนเดียวกับร้านดังอย่าง Dialy Fix (ถ้าใครไม่อยากไปต่อคิวยาว มาทานที่นี่ก็ดีเหมือนกัน)

วันนี้เราสั่งเป็นลาเต้เย็น กับ วาฟเฟิ้ลเสิร์ฟพร้อมไอศครีมป็อปสิเคิล รสชาตกาแฟเข้มข้น ส่วนอาหารก็อร่อย วาฟเฟิ้ลกรอบ มีผลไม้และเกรน แบบคลีน ๆ ไอศครีมเป็นรสวานิลลาและแก้วมังกร แปลก ๆ แต่เข้ากันดีมาก

ถ้าใครอยากนั่งคาเฟ่สไตล์เก่า ๆ จีน ๆ ก็แนะนำให้มาที่นี่เลย โดยทางที่มาร้านคาเฟ่นี่แหละ เป็นจุดที่เราถ่ายรูปแม่น้ำมะละกาใส ๆ ที่ยังมีปลาเยอะมาก 

เมืองมะละกา ประเทศมาเลเซีย เป็นเมืองที่มาทีไร ก็จะมีมุมใหม่ ๆ ให้ไปค้นพบเสมอ แล้วเราก็ไม่เบื่อเลยที่จะมีเที่ยวที่นี่ โดยครั้งนี้เราพักที่โรงแรม iBis ที่พักสบาย ได้มาตราฐาน อาหารเช้าเลิศ คลิกจองโรงแรมข้างล่างนี้เลย!



Booking.com

คุณ
คุณ
เจ้าของเพจเที่ยวตามใจคุณนะครับ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคน หวังว่าบทความท่องเที่ยวที่เขียนขึ้นมาจะเป็นประโยชน์นะครับ แล้วมาคุยกันนะครับ

บทความน่าสนใจ