มะละกาเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของมาเลเซียตะวันตก เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ในตัวเมืองยังทิ้งรอยประวัติศาสตร์ให้เราสามารถไปเรียนรู้และติดตามกันได้ง่าย นี่จึงเป็นความน่าหลงใหลของเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้
ช่องแคบมะละกาเป็นช่องทางการเดินเรือที่เป็นยุทธศาสตร์ของโลก เพราะมันถูกขุดให้เป็นเส้นทางที่ง่ายต่อการเดินเรือของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับทั่วโลก ดังนั้นชาติตะวันตกที่เข้ามาทำการค้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงได้เข้ามาล่าอาณานิคม จนมะละกาต้องตกเป็นเมืองอาณานิคมของโปรตุเกส, เนเธอแลนด์ และอังกฤษ เมืองนี้จึงได้รับอิทธิพลจากชาติตะวันตก จนบรรยากาศภายในเมืองบางส่วนแทบจะไม่เหมือนเอเชีย
วันนี้เที่ยวตามใจคุณจะพาทุกคนไปเที่ยวตามสถานที่ที่น่าสนใจในเมืองมะละกา ประเทศมาเลเซีย และแนะนำร้านคาเฟ่ชิค ๆ ในเมืองด้วย รอช้าอะไร ไปเที่ยวพร้อมกันเลย!
Dutch Square (ดัตช์สแตวร์)
ถ้าไม่รู้จะไปเริ่มตรงไหน ให้เรียกแท็กซี่ไปที่จุดศูนย์กลางของเมือง ซึ่งได้รับฉายาว่าเป็น Melaka 0 mile บริเวณ Dutch Square เป็นบริเวณที่มีพื้นที่ที่สวยงามมาก ๆ และถ่ายรูปได้สวยจุดหนึ่งของเมือง ด้วยความที่สถาปัตยกรรมของพื้นที่บริเวณนี้ได้รับอิทธิพลจากชาวดัตช์ในช่วงปี ค.ศ. 1660 – 1700 จึงทำให้มันดูแปลกตากว่าเมืองอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สตัดธิวท์ (Stadthuys)
ในบริเวณเดียวกันนี้ จะเป็นตึกที่เก่าแก่ที่สุดในย่านนี้ ซึ่งในสมัยก่อน อาคาร Stadthuys ถูกใช้เป็นที่อยู่ของผู้ว่าการเมือง และยังถูกใช้เป็นพื้นที่สำหรับประชุมว่าการต่าง ๆ ในปัจจุบันอาคาร Stadthuys ถูกเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อบอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์โบราณคดี และวรรณคดีของมะละกา
โบสถ์คริสต์มะละกา
โบสถ์สีแดง สร้างโดยชาวฮอลันดา ด้วยอิฐที่ขนมาจากฮอลันดา โบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นในปี 1741ใช้เวลากว่า 12 ปี กว่าจะแล้วเสร็จ ซึ่งโบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองในการปกครองเมืองมะละกาของชาวฮอลันดาครบรอบ 100 ปี
น้ำพุหินอ่อน (Queen Victoria’s Fountain Melaka)
น้ำพุหินอ่อน (Queen Victoria’s Fountain Melaka) เป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมที่ยังหลงเหลืออยู่ในปัจจุบันจากอนานิคมของอังกฤษ ซึ่งน้ำพุหินอ่อนนี้สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสพิธีเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติครบ 65 ปีของพระราชินีวิคตอเรียแห่งอังกฤษ
ป้อม A Famosa (เอ ฟาโมซ่า)
หนึ่งในสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่ที่สุดในยุคของโปรตุเกสคือป้อมเอฟาโมซ่า มีอายุราว 500 ปี ก่อนเปลี่ยนมือสู่เนเธอแลนด์ และอังกฤษที่ทำลายจนเหลือแค่ตัวป้อมเท่านั้น
ซากที่เห็นอยู่ในรูปคือประตู Porta de Santiago ซึ่งมีประวัติโดยย่อดังนี้
- ในยุคโปรตุเกสเข้ามาล่าอาณานิคม โปรตุเกสได้สร้างป้อม A famosa นี้ขึ้น ซึ่งมีป้อมถึง 4 ป้อม โดย Alfonso de Albuquerque เป็นผู้ควบคุมการสร้าง โดยชาวโปรตุเกาเชื่อว่ามะละกาจะกลายเป็นศูนย์กลางการค้าเครื่องเทศน์กับจีน
- ต่อมาในปี 1641 ดัตช์เข้ามารุกราน จนได้ครอบครองมะละกา เค้าจึงสลักคำว่า VOC ลงบนประตู
- และในช่วง19’s อังกฤษเข้ามาปกครอง จึงได้ทำลายป้อมนี้ทิ้ง จนเหลือเพียงซากให้เห็นในปัจจุบัน
โบสถ์เซนต์ปอล
เดินขึ้นเนินมาสักนิด ก็จะพบกับโบสถ์เซนต์ปอล ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขา
ในยุคโปรตุเกสปกครอง โบสถ์นี้เป็นโบสถ์นิกายคาทอลิค เมื่อชาวดัชต์ได้เข้ายึดครองมะละกา ได้เปลี่ยนเป็นโบสถ์ในนิกายโปรเทสแตนท์ และใช้โบสถ์แห่งนี้ต่อมาจนกระทั่งชาวดัชต์ได้สร้างโบสถ์ของตนเองขึ้นใหม่ที่ด้านล่างเชิงเขา
อาคารสร้างด้วยศิลาแลง ข้างในไม่มีหลังคาเนื่องจากมันผุพังไปตามกาลเวลา
ทางด้านหน้ามีรูปปั้นของเซนต์ ฟรานซิส ซาเวียร์ ซึ่งเป็นนักบวชที่ได้เข้ามาเผยแพร่ศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
St Francis Xavier’s Church Melaka
โบสถ์สไตล์นีโอโกธิคที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่นั่น คือโบสถ์นิกายคาทอลิก สร้างขึ้นในปี 1849 เพื่ออุทิศให้กับนักบุญชาวสเปน เซนต์ฟรานซิส ซาเวียร์
แม่น้ำมะละกา
ถ้าหากคุณมีเวลา ลองเดินเล่นรอบ ๆ แม่น้ำมะละกาเพื่อดูผลงานศิลปะที่ทำให้เมืองมะละกาดูมีสีสันกว่าเมืองอื่น ๆ
หรือจะเลือกนั่งเรือเพื่อชมบรรยากาศในช่วงเย็นก็ดี แต่จะมีค่าใช้จ่ายประมาณคนละ 30 ริงกิต
ภาพข้างล่างนี้เป็นมุมจากร้านคาเฟ่ที่เราไป ซึ่งเป็นมุมที่ทำให้เราเห็นความสวยงามของแม่น้ำมะละกา ว่ามันยังใส มีปลาเยอะมาก
Jonker Street
ถนนคนเดิน Jonker Street จะมีทุกวันศุกร์และวันเสาร์ช่วงเย็นจนถึงเที่ยงคืน เป็นถนนที่มีนักท่องเที่ยวมาเดินเล่นหาของกิน ของฝากเพียบ เป็นถนนที่มีสีสันมากของมะละกาในช่วงวันหยุด
ถ้าใครวางแผนมาเที่ยวมะละกา ต้องมาเดินเที่ยวที่ถนนแห่งนี้ให้ได้ ไม่งั้นถือว่าพลาดมาก ๆ แล้วก็อย่าลืมแวะกินข้าวมันไก่ ที่ปั้นข้าวเป็นก้อนกลม ๆ ด้วยล่ะ
ถนน Jonker มีอาคารเก่า ๆ สวย ๆ เยอะมาก
คนดังเมืองมะละกา
มัสยิดลอยน้ำแห่งมะละกา (Melaka Straits Mosque)
มัสยิดเซลัท นักท่องเที่ยวมักเรียกว่ามั
โดมของมัสยิดมีสีทอง สวย เห็นมาแต่ไกล
เราไปที่นี่แต่เช้า อากาศกำลังสบาย ๆ เป็นช่วงเช้าที่สงบมาก ๆ เหมือนได้หนีออกมาจากความวุ่นวายในตัวเมือง ได้มองน้ำและท้องฟ้า มันผ่อนคลายมาก ๆ
คาเฟ่ในมะละกา
Ho Cultural Space
ร้าน Ho เป็นสไตล์ร้านคาเฟ่ที่เราไม่คิดว่าจะมีในมะละกา เพราะร้านใหญ่โตมาก มีหลายมุมให้นั่ง และมีการตกแต่งที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร แต่น่าเสียดายตัวเลือกของอาหารและเครื่องดื่มมีไม่มากนัก วันนี้เราก็เลือกเป็นกาแฟมีครีมชีสข้างบน แล้วก็สั่งเป็นพิซซ่าด้วย(หมดก่อน ลืมถ่ายรูป) กาแฟชีสคือดี เข้ากัน ส่วนพิซซ่าจะเป็นแป้งบางกรอบ แป้งสีดำ รสชาติก็โอเค แทนแก้หิวไปด้วย
สำหรับใครที่อยากนั่งชิล ๆ ยาว ๆ ร้านนี้เลยแนะนำ อยู่ห่างจากโรงแรม iBis แค่นิดเดียว
คาเฟ่ Sin See Tai
คาเฟ่เล็ก ๆ น่ารักในบ้านเก่า ๆ สองชั้นถูกนำมาดัดแปลงให้กลายเป็นคาเฟ่ที่ร่มรื่น บรรยากาศไม่เหมือนใคร ชั้นแรกเป็นส่วนของครัวและกาแฟ ส่วนชั้นที่สองจะมีที่นั่ง 4 – 5 โต๊ะ
เจ้าของร้านนี้เป็นเจ้าของคนเดียวกับร้านดังอย่าง Dialy Fix (ถ้าใครไม่อยากไปต่อคิวยาว มาทานที่นี่ก็ดีเหมือนกัน)
วันนี้เราสั่งเป็นลาเต้เย็น กับ วาฟเฟิ้ลเสิร์ฟพร้อมไอศครีมป็อปสิเคิล รสชาตกาแฟเข้มข้น ส่วนอาหารก็อร่อย วาฟเฟิ้ลกรอบ มีผลไม้และเกรน แบบคลีน ๆ ไอศครีมเป็นรสวานิลลาและแก้วมังกร แปลก ๆ แต่เข้ากันดีมาก
ถ้าใครอยากนั่งคาเฟ่สไตล์เก่า ๆ จีน ๆ ก็แนะนำให้มาที่นี่เลย โดยทางที่มาร้านคาเฟ่นี่แหละ เป็นจุดที่เราถ่ายรูปแม่น้ำมะละกาใส ๆ ที่ยังมีปลาเยอะมาก
เมืองมะละกา ประเทศมาเลเซีย เป็นเมืองที่มาทีไร ก็จะมีมุมใหม่ ๆ ให้ไปค้นพบเสมอ แล้วเราก็ไม่เบื่อเลยที่จะมีเที่ยวที่นี่ โดยครั้งนี้เราพักที่โรงแรม iBis ที่พักสบาย ได้มาตราฐาน อาหารเช้าเลิศ คลิกจองโรงแรมข้างล่างนี้เลย!