เปิดศักราชใหม่ 2019 นี้ เราจะขอพาเพื่อน ๆ ชาวเที่ยวตามใจคุณทุกท่านไปเที่ยวฮาลองเบย์ เวียดนาม กันครับ เพื่อน ๆ หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมไม่ไปเที่ยวซาปา เหมือนที่คนอื่น ๆ เค้าไปกัน ครั้งนี้เรามีเวลาเพียง 3 วัน ดังนั้นจึงขอเลือกไปเที่ยวฮาลองเบย์ ซึ่งได้รับคัดเลือกจาก UNESCO ให้เป็นหนึ่งในแหล่งมรดกโลกด้าน World Natural Heritage พอรู้แล้วก็ต้องไป พลาดไม่ได้เลยหละครับ!
ไปอ่านบทความนี้พร้อม ๆ กันแล้วจะได้คำตอบว่า ฮาลองเบย์สวยไหม และคุ้มค่าแก่การมาเที่ยวไหม
และวันนี้เป็นวันที่สองของการมาเที่ยวเวียดนามแล้ว หากใครสนใจอ่านบทความเที่ยวฮานอยวันแรกคลิก!
ไปเที่ยวฮาลองเบย์พร้อมกัน หรือ กดดูคลิปวีดีโอข้างล่างนี้ก่อนเลย
การจองทัวร์เที่ยวฮาลองเบย์
ทริปเที่ยวฮาลองเบย์ ทริปนี้สะดวกสบายสุด ๆ เพราะเราได้ซื้อแพคเกจจากทาง KLOOK ไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยพวกเราพักกันอยู่ในเขต Old Quarter ซึ่ง KLOOK ก็มีบริการรถรับส่งจากโรงแรมด้วย
หากใครสนใจซื้อแพคเกจ สามารถกดเข้าไปที่ลิงค์นี้ได้เลย ! ราคาเพียงคนละ 1,120 บาทเท่านั้น คลิกที่นี่!
*** ลูกค้า Kbank รับส่วนลดเพิ่ม 10% สูงสุด 300 บาท โดยใช้โค้ดนี้ : KBANKKLOOK10
บริษัททัวร์ที่มารับเราในเช้าวันนี้ คือบริษัท Dragonfly Cruise โดยรถบัสมารับที่โรงแรมเวลา 8.30 น. พวกเราก็เตรียมตัวพร้อมออกเดินทาง วันนี้รถทั้งคันแน่นมาก มีผู้ร่วมเดินทางกว่า 30 คน มาจากหลายประเทศไม่ว่าจะเป็นจีน, สิงคโปร์, ไต้หวัน, ฟิลิปปินส์ หรือออสเตรเลีย
เราใช้เวลาเดินทางกว่า 3 ชั่วโมงครึ่งกว่าจะถึงท่าเรือฮาลองเบย์ โดยจะมีการพักครึ่งทางให้เข้าห้องน้ำ และซื้อน้ำ ซื้ออาหารเติมพลังกันตามสะดวก ที่จุดพักรถยังมีของฝาก และที่ตื่นตามากคืองานปักผ้าด้วยมือของชาวบ้านเวียดนามที่บกพร่องทางร่างกาย แต่ผลงานที่พวกเขาผลิตนั้นมันสวยงามมาก ๆ ทั้งปราณีตและมีเอกลักษณ์ และราคาที่วางขายไม่ใช่เล่น ๆ เลยนะจ้ะ อันใหญ่ ๆ นี่ ก็ราว ๆ 5 ล้านดองได้
พอถึงท่าเรือฮาลองเบย์ ทุกคนเข้าห้องน้ำ พร้อมออกเดินทาง
อ่าวฮาลองเบย์
หัวหน้าทัวร์ก็เรียกลูกทัวร์ให้เดินตามไปขึ้นเรือ โดยหัวหน้าทัวร์ก็ได้บอกกฎเกณฑ์ต่าง ๆ เช่น ห้ามสูบบุหรี่ภายในห้องโถงของเรือ ให้ห้อยป้ายรถเอาไว้ตลอดเวลา เพื่อจะได้ไม่หลงจากทัวร์ หลังจากนี้ก็เป็นการทานอาหาร โดยอาหารจะเป็นการแชร์กับลูกทัวร์คนอื่น ๆ อีก 4 – 5 คน ซึ่งอาหารมีความหลากหลาย ที่จำได้ก็จะมี ปลาทอด, ผัดผัก, ปลาหมึกผัด, ปอเปี๊ยะสด, เฟรนช์ฟรายส์ เป็นต้น
หลังจากทานอาหารเสร็จ ก็เป็นการล่องเรือชมบรรยากาศรอบ ๆ ฮาลองเบย์ บรรยากาศวันนี้ดีมาก อากาศไม่ร้อน ไม่หนาวจนเกินไป หมอกไม่เยอะ ทำให้เห็นเขาเป็นลูก ๆ ชัดเจน
ตามความเชื่อของคนเวียดนาม เชื่อว่าฮาลองเบย์เป็นที่อาศัยของมังกร ซึ่งในสมัยก่อนมีข้าศึกเข้ามารุกรานประเทศ เง็กเซียนฮ่องเต้ที่อยู่บนสวรรค์จึงส่งมังกรแม่ลูกลงมาช่วยปราบศัตรู และมังกรก็ยังอาศัยอยู่ในอ่าวแห่งนี้ โดยภูเขาหินที่เราเห็นกันอยู่เกือบสองพันกว่าเกาะ เชื่อว่าเป็นไข่มุกที่มังกรได้คายทิ้งเอาไว้เพื่อเป็นเกาะกำบังคนที่จะเข้ามาในอาณาเขตนี้
ในทางวิทยาศาสตร์ เกาะหินสวยงามเหล่านี้เกิดจากการดันตัวขึ้นมาของเปลือกโลก ผ่านการกัดเซาะของน้ำและลม จนเกิดเป็นรูปทรงต่าง ๆ นั่นเอง
ไฮไลท์ของการนั่งเรือชมฮาลองเบย์เส้นนี้คือเขา kissing chicken rock ซึ่งเป็นหินรูปคล้ายไก่จูบกัน ถือเป็นสัญลักษณ์ของฮาลองเบย์เลยล่ะ (อิจฉาไก่กันไม๊ล่ะ!)
บนเรือ ใคร ๆ ก็อยากถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก แต่อย่าไปยืนบังวิถีของกัปตันเรือเข้าหล่ะ เดี่ยวจะเกิดอุบัติเหตุได้ เพราะขนาดนี้กัปตันยังต้องออกมาตะโกนให้ออกจากวิถีการควบคุมเรือเลย ยืนบังกันซะมิด!
ชมหินงอก หินย้อยในถ้ำเทียนกุง ถ้ำที่สวยที่สุดในฮาลองเบย์
กิจกรรมแรกของวันนี้คือการเข้าชมถ้ำเทียนกุง (Thien Cung) ซึ่งเค้าอ้างว่าเป็นถ้ำที่สวยที่สุดในฮาลองเบย์ ตอนแรกก็คิดนะว่าไม่อยากเข้า เพราะกลัวจะเหมือนหมูป่า 13 คน แต่เอาวะ มาถึงแล้ว หัวหน้าทัวร์ก็บอกว่าที่นี่คือถ้ำที่สวยที่สุดในฮาลองเบย์ ก็ต้องเข้าไปดูให้เห็นกับตา มาแล้วครั้งหนึ่งในชีวิต
หากเข้าถ้ำอาจจะต้องเดินขึ้นบันไดกว่า 40 ขึ้น ซึ่งคนที่สุขภาพไม่ดี จะไม่แนะนำให้เข้ามา ภายในถ้ำค่อนข้างชื้น แต่ขนาดของถ้ำค่อนข้างใหญ่ และมีการจัดไฟเพื่อเน้นความสวยงามของหินงอก หินย้อยหลายจุด ระหว่างการเดินในถ้ำ ไกด์ทัวร์ก็เล่าถึงแต่ละจุดของถ้ำ และคุณอาจจะต้องใช้จินตนาการสักนิดในการมองหินต่าง ๆ ให้เป็นรูปทรงตามจินตนาการของคนเวียดนาม
ถ้ำเทียนกุงมีหินงอก หินย้อย มากมาย บ้างติดกันเป็นเสา บ้างก็เป็นรูปต่าง ๆ คุณไม่ควรจับหินแต่ละก้อน เพราะมันใช้เวลาในการงอกนานมาก โดยมีการศึกษาพบว่าหินจะมีความสูงเพิ่มเติมเพียงปีละ 2 มิลลิเมตรเท่านั้น
ปล่องทางเข้าถ้ำ ซึ่งเป็นจุดแรกที่มีนักสำรวจเข้ามาในถ้ำนี้เป็นครั้งแรก
ไกด์ใช้ไฟฉายส่องไปที่หิน เกิดเป็นประกายระยิบระยับเล่นกับไฟ
บนเพดานสีขาว ๆ มีลักษณะคล้ายคลื่น คนเวียดนามเชื่อว่าตอนนี้เราอยู่ใต้มหาสมุทรนั่นเอง ทำให้เรามองขึ้นไปเห็นเป็นเกลียวคลื่น
หินคู่รักยืนกอดกัน ถ้าใครอยากมีความรักก็อธิษฐานกับหินคู่รักเลย! (เรานี่รีบหลับตาอธิษฐานทันที!)
เราใช้เวลาเดินดูความสวยงามของถ้ำอยู่ประมาณ 45 นาที มันเป็นช่วงเวลาที่น่าสนใจมาก ทั้งได้เห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็น และเรียนรู้ถึงความเชื่อของคนเวียดนามไปพร้อม ๆ กัน
พายเรือคายัค หรือนั่งเรือไม้ไผ่ที่หมู่บ้านชาวประมง
และกิจกรรมที่สองก็คือไปเที่ยวที่หมู่บ้านชาวประมง (Fishing Village) และยังมีกิจกรรมการล่องเรือชมอ่าว ซึ่งมีให้เลือกสองแบบคือ
- นั่งเรือไม้ไผ่ที่มีคนพายให้ นั่งได้ 4-5 คนแบบชิล ๆ หรือ 2. พายเรือคายัค นั่งได้สองคน
สายลุยอย่างเราก็ต้องเลือกคายัคอย่างแน่นอน 55 แต่กว่าจะตัดสินใจได้ ตีกับเพื่อนแทบตาย เพราะมันไม่อยากเปียก กลัวนู่นนี่ สุดท้ายก็ใส่เสื้อชูชีพ ถือไม้พาย กระโดดลงเรือ
เราใช้เวลาคายัคอยู่ราว ๆ 30 นาที มันสวยมาก ๆ อยากให้ทุกคนมาลองดู แต่ระหว่างทางเรากับเพื่อนก็ตะโกนด่ากันไปมา เพราะกลัวเรือคว่ำ 55 เป็นกิจกรรมที่สนุก ๆ มากอันนึงเลย
หลังจากคายัคเสร็จ ก็ได้เวลากลับขึ้นเรือ และเข้าฝั่ง เราก็มีเวลานั่งชิล ถ่ายรูป บนเรืออีก 25 นาที และก็เดินทางกลับขึ้นฝั่งและกลับเข้าฮานอย โดยขากลับใช้เวลาเดินทางเกือบ 4 ชั่วโมง
สรุปทริปฮาลองเบย์ เวียดนาม
- สรุปเลยว่าการไปเที่ยวฮาลองเบย์ครั้งนี้เป็นการตัดสินใจที่ถูก ถึงแม้ว่าเราจะใช้เวลาในการเดินทางมากกว่าใช้เวลาในการเที่ยวในฮาลองเบย์ แต่ความสวยงามของธรรมชาติที่เราได้เห็นมันคุ้มค่ามาก ๆ มันเป็นทริปที่เราอยากแนะนำให้ทุก ๆ คนได้มาเห็นด้วยตาของตัวเอง
- ถ้าหากต้องการความสะดวก ก็เพียงซื้อแพคเกจผ่าน KLOOK สะดวกสบาย ทุกอย่างเว็บไซต์จัดการให้หมด นั่งรอรถมารับที่โรงแรมสวย ๆ
- ราคาเพียงคนละ 1100 บาทเท่านั้น ประหยัด ถ้าหากหาโปรโมโค้ด ก็ได้ลดราคาไปอีก (ราคาทัวร์ตามท้องตลาดตอนนี้อยู่ที่ 38 – 40 USD หรือประมาณ 1200 บาทนั่นเอง)
- ถึงแม้ว่าจะมาเที่ยวฮาลองเบย์ หน้าหนาว แต่อากาศก็ไม่แย่อย่างที่คิด ถือว่าเราโชคดีเลยที่ไม่มีหมอกหนาปกคลุมจนมองไม่เห็นบรรยากาศ