fbpx
Homeเที่ยวเอเชียไต้หวัน11 ที่เที่ยวไต้หวัน ตะลุยไทเป จบโควิด แล้วจะติดใจ คนไทยเข้าได้แล้ว 13 ตุลาคม เย้!

11 ที่เที่ยวไต้หวัน ตะลุยไทเป จบโควิด แล้วจะติดใจ คนไทยเข้าได้แล้ว 13 ตุลาคม เย้!

Klook.com
- Advertisement -
- Advertisement -

เที่ยวไทเป ประเทศไต้หวัน จะกลายเป็นเมืองฮิตที่สุดหลังจบวิกฤตโควิด

“ไต้หวัน” ประกาศเปิดประเทศอย่างเป็นทางการ รับนักท่องเที่ยวแบบไม่ต้องกักตัว ในวันที่ 13 ตุลาคมนี้ หลังจากที่ปิดประเทศมานาน แถมยังออกมาตรการฟรีวีซ่า (Visa-free) เปิดให้นักเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวได้โดยไม่จำเป็นต้องขอวีซ่าอีกด้วย

ดังนั้นใครที่กำลังวางแผนเที่ยวไทเป ไต้หวัน วันนี้เราได้รวบรวม 11 ที่เที่ยวในไทเป ไต้หวัน เอาไว้ที่นี่แล้ว วางแผนเอาไว้ แล้วเมื่อไรที่ปลดล็อคดาวน์ ก็ไปเที่ยวด้วยกันเลย!

เราเลือกเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองด้วยรถไฟ Express Train ซึ่งถ้าหากคุณกำลังมองหาวิธีการเดินทางที่สะดวกและประหยัด คลิกอ่านวิธีการเดินทางเข้าสู่เมืองไทเปได้ที่นี่

ซื้อตั๋วรถไฟ Express Train เข้าเมืองไทเป 150TWD  (ถูกกว่าซื้อที่สถานี)

บนรถไฟฟ้ามีที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือให้ด้วย แต่อย่าลืมวางมือถือทิ้งไว้นะ เพราะมีหลายคนลืมจริง ๆ 55

เมื่อเดินทางถึงไทเปเมนสเตชั่นซึ่งใช้เวลาเกือบ ๆ ชั่วโมง ก็เราต้องเรียกรถแท็กซี่เพื่อไปยังโรงแรมที่จองไว้คือโรงแรม Caesar Metro Hotel Taipei ตอนแรกเราคิดว่าการสื่อสารกับพนักงานไม่น่าเป็นปัญหา แต่พอไปพูดกับพี่เค้าแล้วอยากจะบ้าตาย พนักงานเรียกแท็กซี่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลยเว้ย แล้วจะเอาไงเนี่ย เราก็ต้องหยิบเอามือถือใช้แอพฯ google translate ให้ช่วยบอกว่าจะไปที่โรงแรมนี้ สุดท้ายก็เก็ต แล้วก็ผ่านไปได้ด้วยดี

หลังจากเข้าโรงแรม เช็กอินเรียบร้อยแล้ว ก็บ่ายสามกว่า ๆ พ่อแม่ก็ขอเวลาพักผ่อนสักพัก ก่อนที่จะออกมาหาอาหารเย็นกินกัน ก่อนที่จะเดินทางไปที่สถานีรถไฟใต้ดิน เราจะต้องเดินผ่านวัดหลงซาน ก็เลยได้แวะไหว้พระซะก่อน

1. วัดหลงซาน ไทเป, ไต้หวัน

วัดหลงซานเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในไต้หวัน วัดหนึ่ง และถือว่าเป็นวัดที่ได้รับความนิยมจากคนไต้หวันและนักท่องเที่ยวในการขอคู่รักจากเทพเย่ว์เหล่าที่มีความเชื่อกันว่าเป็นเทพผู้ผูกด้ายแดงให้สมหวังด้านความรัก

นอกจากนี้ที่วัดหลงซานยังเป็นที่ประดิษฐานของพระโพธิสัตว์กวนอิมพระประธานของวัด, เจ้าแม่ทับทิม, เทพเจ้ากวนอู และเทพอีกมากมาย ที่เชื่อกันว่าสามารถขอพรได้ทั้งด้านสุขภาพ, การเรียน, ความปลอดภัย และความรัก

ใครที่สนใจอยากจะขอพรด้านความรักที่วัดหลงซาน >> คลิกอ่านที่บทความนี้ได้เลย <<

 

หลังจากที่เราเดินชมและขอพรที่วัดหลงซานเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินทางจากสถานี Longshan ไปยัง Ximen Station โดยอาหารเย็นวันนี้ขอเริ่มด้วย MALA Shabu ที่ซีเหมินติง ที่ไม่ว่าใครที่มาเที่ยวก็ต้องแนะนำร้านนี้

MALA Shabu สาขาซีเหมินติง

MALA Shabu ตอนนี้กลายเป็นร้านสาขาคนไทยไปแล้วจ้า ไม่ว่าจะเดินไปมุมไหนของร้านก็ต้องเจอคนไทย ก็อบอุ่นดีเหมือนกัน ความเด็ดของร้านนี้คือความหลากหลายของเนื้อ ลูกชิ้น ผัก และความสดของอาหาร รสชาติน้ำซุปอร่อย และที่สำคัญมีเครื่องดื่มและไอศครีม Häagen-Dazs ให้กินไม่อั้น งานนี้ก็ต้องตัวแตกไปตาม ๆ กัน

แต่สำหรับพ่อแม่เราแล้ว ที่เป็นสายกินอาหารไทย ชอบรสชาติแบบไทย ๆ เค้าก็จะไม่ค่อยแฮปปี้เท่าไร เพราะน้ำจิ้มมันปรุงยังไงก็ไม่แซบ แต่ก็ถือว่าให้เค้าได้มาลองอะไรใหม่ ๆ สักหน่อย

*** รูปภาพหายหมด เหลือวีดีโอเดียว ขอเอามายั่วแค่นี้ละกันน้อ

2. ซีเหมินติง/Ximending

หลังจากกินอาหารเย็นเรียบร้อยแล้ว เราก็ไปเดินเล่นที่ซีเหมินติง ดูไฟ เดินหาซื้อของกิฟต์ช็อป น่ารัก ๆ และเราก็ไม่พลาดที่จะลองหาชาไข่มุกมาชิมด้วย

ซีเหมินติงเย็น ๆ คนจะเยอะมาก ส่วนใหญ่จะเป็นวัยรุ่นที่ออกมาเดินเล่น ช้อปปิ้ง หาอาหารทาน และด้วยความแสงสีที่จัดจ้านในย่านนี้ ก็ทำให้รู้สึกตื่นเต้น กระปรี้กระเปร่า สามารถเดินเล่นได้ต่อเรื่อย ๆ แต่ด้วยอากาศที่เย็น ๆ เราก็ต้องขอตัวกลับโรงแรม และเริ่มเที่ยวต่อในวันพรุ่งนี้ละกันน้า


 

3. อนุสรณ์สถานเจียงไคเชก Chiang Kai-Shek Memorial Hall

มาเริ่มต้นวันใหม่กับที่นี่เลย อนุสรณ์สถานเจียงไคเชก เราเดินทางจากโรงแรมด้วยรถบัส โดยเปิดจาก google map เอานี่ล่ะ ตอนแรก ก็งง ๆ ว่าจะต้องขึ้นรถบัสยังไงเพราะมันมีวิธีจ่ายเงินที่ต่างกันคือ

ให้มองข้าง ๆ รถบัส ถ้าถ้าเห็นตัว “上” (ซั่ง) จ่ายตอนขึ้น / “下” (เซี่ย) จ่ายตอนลง)  หรือง่าย ๆ ก็แค่ถามคนขับเค้าว่าจ่ายตอนขึ้นหรือลง หรือยกบัตร easy card ให้ดู เท่านั้นจบ แล้วพอถึงสถานีที่จะลงก็แค่กดกริ่ง

เทคนิคจากเว็บ 1000milesjourney เค้าล่ะ

อนุสรณ์สถานเจียงไคเชกถือเป็นแลนด์มาร์คที่ใคร ๆ ก็ต้องมาเมื่อมีโอกาสมาเที่ยวไทเป ที่นี่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1976 เพื่อเป็นการรำลึกและเทิดทูนอดีตประธานาธิบดีเจียงไคเชก โดยเป็นอาคารสีขาวทั้ง 4 ด้านมีหลังคาทรง 8 เหลี่ยมสีน้ำเงินแบบสถาปัตยกรรมแบบจีน ซึ่งสีขาวและสีน้ำเงินนั้นเป็นสัญลักษณ์ของความเท่าเทียม

ซึ่งบริเวณหน้าอาคารเรียกว่า จตุรัสเสรีภาพ(Freedom Square) และมีซุ้มประตูจตุรัสเสรีภาพ(Freedom Square Memorial Arch) ซึ่งตั้งเด่นเป็นสง่า และกลายเป็นภาพจำที่ทุก ๆ คนที่มาเยี่ยมชมอนุสรณ์สถานแห่งนี้ก็ต้องมีภาพคู่กับซุ้มประตูไว้เป็นที่ระลึกเช่นกัน

อาคารอนุสรณ์สถานเจียงไคเชกมีบันไดด้านหน้า 89 ขั้นเท่ากับอายุของท่านประธานาธิบดี โดยภายในจะมีรูปปั้นทำจากทองสัมฤทธิ์ของท่านในท่านั่งขนาดใหญ่ที่มีใบหน้ายิ้มแย้ม และจะมีทหารคอยดูแลในพื้นที่ และจะมีพิธีผลัดเปลี่ยนเวรยามทุก ๆ ชั่วโมง ที่คุณไม่ควรพลาด

ชั้นล่างของอาคารจะมีนิทรรศการแสดงประวัติและของเครื่องใช้ต่าง ๆ ของท่าน และในบริเวณเดียวกันก็จะมี โรงละครและคอนเสิร์ตแห่งชาติ(National Theater and Concert Hall) ซึ่งวันนั้นก็มีงานจัดแสดงอยู่พอดีด้วย

4. ตึก Taipei 101

 

ได้เวลาทานอาหารเที่ยง เมื่อมาถึงไทเป ก็ไม่ควรพลาดที่จะกิน Din Tai Fung ต้นตำหรับ เราก็เลยเลือกไปที่สาขา Taipei 101 ซึ่งคนเยอะมาก ๆๆๆ ต่อคิวนานมาก เราใช้เวลาต่อคิวชั่วโมงกว่า ๆ ได้ แต่ที่นี่พนักงานน่ารัก สามารถพูดได้หลายภาษารวมถึงภาษาไทยด้วย

บอกเลยว่ารสชาติ Din Tai Fung ที่นี่ไม่เหมือนกับทั้งที่ไทยและที่มาเลเซีย(เราอยู่ที่นี่) ถึงแม้ว่ามันจะต่างกัน แต่เราขอไม่ตัดสินว่าที่ไหนอร่อยกว่ากัน แต่ความออริจินัลก็ต้องดีกว่าอยู่แล้วป้ะ

ทานอาหารเสร็จเรียบร้อย ก็เดินเล่นอยู่ในห้างสักพัก ที่นี่มีร้านของฝากมากมาย ทั้งขนม ของคาว ของหวาน มีให้ลองชิมเยอะมาก แล้วแต่เลยว่าจะชอบแบรนด์ไหน แต่ที่เห็นวางขายเยอะมาก ๆ ก็คงจะเป็น พายสัปปะรด และขนมเปี๊ยะเผือก ที่เป็นของฝากที่เด็ดที่สุดของไต้หวันแล้วล่ะ

5. Taipei 101 Observation Deck

อีกหนึ่งกิจกรรมที่พลาดไม่ได้คือการขึ้นไปชมวิวข้างบนชั้นที่ 89 นอกเหนือจากการชมวิวสวย ๆ ของเมืองไทเปแล้ว ยังได้เห็น Damper ซึ่งเป็นโครงสร้างที่สำคัญของตึกที่ช่วยถ่วงน้ำหนักเพื่อต้านลม ไม่ให้เกิดการโยกเยกด้วย ถือเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่กว่าตึกไหน ๆ 

6. Gong Guan Shopping District กงกวน

แหล่งช้อปปิ้งสำหรับคนที่มาเที่ยวไทเป ก็ต้องห้ามพลาดที่จะหาซื้อรองเท้าแบรนด์เนมต่าง ๆ ติดไม้ติดมือกลับบ้านไม่ว่าจะเป็น Adidas, New Balance, Onitsuka, Nike เป็นต้น ที่ย่านกงกวนนี้ก็มีร้านค้ามากมาย และมีรองเท้ารุ่นใหม่อัพเดทมาวางขายเสมอ และราคาถูกกว่าประเทศไทยอย่างแน่นอน

การเดินทางสามารถมาลงที่ Gongguan Station ได้เลย แล้วก็ไปเที่ยวช้อปปิ้งให้สบายใจกันเลย!

7. ตลาดกลางคืน Shilin Night Market

มาหาอาหารเย็นกินกันต่อที่ Shilin Night Market เป็นตลาดกลางคืนที่ใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดในไต้หวัน ที่สำคัญ Shilin ยังมีชื่อเสียงทางด้านการหารองเท้าแบรนด์เนมราคาถูกอีกด้วย นอกจากนี้ก็จะมีเสื้อผ้า เคสมือถือ และของกระจุ๊กกระจิกอีกเยอะมาก ๆ

การเดินทางมายังตลาดกลางคืน Shilin สามารถเดินทางด้วย MRT มาลงที่สถานี Shilin Metro Station และเดินอีกแค่ประมาณ 70 เมตรก็จะถึง   

ตลาดกลางคืน Shilin มีร้านอาหาร ของกิน และขนมเยอะมาก ๆ น่ากินทั้งนั้นเลย และก็ยังมีบ่อตกกุ้งด้วย เราก็ลองเล่นดูเหมือนกัน ที่เอาตะเกียบผูกกับด้ายแล้วตกกุ้ง ถ้าทำได้ก็เอาไปปิ้งทานได้เลยสด ๆ กรุบ ๆ


มาเริ่มต้นการเที่ยววันสุดท้ายที่ไต้หวันโดยการออกนอกเมืองกันสักหน่อย โดยครั้งนี้เราขอเช่าเป็นรถพร้อมคนขับจากเว็บอาตี๋ รถนำเที่ยว ซึ่งเจ้าของเป็นคนไต้หวัน ที่หลงรักในประเทศไทย จึงได้ชวนเพื่อน ๆ คนขับแท็กซี่มาร่วมทีม ขับรถพาคนไทยเที่ยวในราคาย่อมเยา(ราคาจริงลองไปติดต่อดูเองนะครับ) สาเหตุที่เลือกเพราะว่าลองศึกษาดูแล้ว ถ้าหากเดินทางด้วยตัวเองด้วยรถสาธารณะจะลำบากหน่อยเพราะจะมีกำหนดเรื่องเวลาและตารางของรถ และบางคนก็เล่าว่าจะต้องยืนบนรถด้วย เพราะคนเยอะมาก ก็เลยตัดสินใจว่า พ่อแม่ไปด้วยก็ซื้อความสะดวกสบายเอาแล้วกัน และด้วยรีวิวจากกลุ่มเพื่อนที่ได้เคยใช้บริการก็บอกว่าดีเหมือนกัน ก็เลยจองกับที่นี่แหละ

โดยแพลนการเที่ยววันนี้เราเลือกเป็นอุทยานธรณี เย่หลิว Yehliu Geopark, Jiufen/จิ่วเฟิ่น และShifen/สื่อเฟิ่น (สามารถพูดคุยเพื่อเปลี่ยนแพลนได้ตามความชอบ)ไปชมทริปหนึ่งวันนอกเมืองไทเปกันเลย

8. เย่หลิว/Yehliu Geopark

ถือว่าเป็นที่ที่ประทับใจที่สุดในทริปไทเป ไต้หวันเลยก็ว่าได้ เพราะส่วนตัวเป็นคนชอบเที่ยวแนวธรรมชาติแบบแปลก ๆ อยู่แล้ว พอได้เห็นความสวยงามของหินที่ธรรมชาติได้สร้างขึ้น ก็ตื่นเต้นมาก ๆ บริเวณของหินจะเป็นแหลมยื่นลงไปในทะเลเป็นความยาว 1,700 เมตร หินแต่ละก้อนใช้เวลานับล้านปีกว่าจะถูกน้ำและลมกัดเซาะจนเป็นรูปร่างที่แปลกตาขนาดนี้

ถ้าหากมีเวลาก็ลองเดินเล่น ถ่ายรูป และทายกันดูว่าหินแต่ละก้อนหน้าตาเหมือนกับอะไร ส่วนมากก็จะเหมือนเห็ด แต่ก็อย่าพลาดที่จะถ่ายรูปกับ หินเศียรราชินิ (Queen’s Head, 女王頭) ที่เป็นแลนด์มาร์ค และเป็นจุดเด่นที่สุดของเย่หลิวด้วยน้า

ค่าใช้จ่าย

  • ผู้ใหญ่ ราคา NT$ 80
  • เด็กนักเรียนและเด็กอายุ 6 – 12 ปี NT$ 40

ถ้าหากเดินเล่นที่นี่ก็ต้องระวัง และอย่าเดินเลยเขตสีแดงที่เค้ากั้นไว้ด้วยล่ะ เดี๋ยวจะพลัดตกลงไป เพราะคลื่นก็แรงอยู่พอควร

เนื่องจากพื้นที่ค่อนข้างกว้าง เราก็ปล่อยพ่อแม่ให้นั่งรับลม  ชมวิวไป ส่วนเราก็เดินถ่ายรูป อากาศวันนี้ค่อนข้างดี มีลมตลอดเวลา ก็ถือเป็นช่วงเวลาชิล ๆ ดีเหมือนกัน

 

9. น้ำตกสีทอง และทะเลสองสี

เนื่องจากพื้นที่นี้เคยเป็นเหมือนทองคำ จึงทำให้แร่ธาตุต่าง ๆ ยังคงตกค้างอยู่ จึงทำให้เห็นเป็นสีทองแยกกันอย่างชัดเจน สถานที่สองสถานที่นี้เป็นแค่โบนัสเท่านั้น ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวหลัก ซึ่งสามารถผ่านไปเลยก็ได้ถ้าหากคุณไม่มีเวลามากนัก

10. จิ่วเฟิ่น/Juifen

หมู่บ้านโบราณจิ่วเฟิ่น (Jiufen) ตั้งอยู่บนไหล่เขาในเมืองจีหลง ประเทศไต้หวัน เมื่อก่อนเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ บนภูเขา เนื่องจากในอดีตพื้นที่นี้เคยเป็นเหมืองทองคำตั้งแต่สมัยกษัตริย์กวงสวี้ แห่งราชวงศ์ชิง (1890) จึงเกิดเป็นเมือเล็ก ๆ ที่มีความมั่งคั่งและคึกคัก แต่เมื่อแร่ทองคำร่อยหรอ และบริษัทขุดแร่ทองคำเริ่มขาดทุน คนก็เริ่มอพยพออกจากพื้นที่ทิ้งให้เป็นเมืองร้าง แต่ในเวลาต่อมาด้วยความสวยงามของหมู่บ้าน จึงทำให้จิ่วเฟิ่นกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดที่หนึ่งในไต้หวันเลยก็ว่าได้

จุดเด่นของ Jiufen Old Street ก็จะเป็นโคมแดงที่มีห้อยตามถนนให้เห็นเป็นภาพจำของสถานที่แห่งนี้ นอกจากนี้ยังมีร้านอาหาร ร้านขนมพื้นเมือง และร้านน้ำชาที่ตั้งติดอยู่กับหน้าผ้า ที่ให้เห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม เหมือนลอยเหนือก้อนเมฆ

เนื่องจากว่าร้านต่าง ๆ ตั้งอยู่บนภูเขา แล้วรถไปจอดทางด้านล่างจึงต้องเดินขึ้นมา พ่อแม่เราเค้าก็เดินไม่ไหว ก็เลยต้องหาร้านอาหารที่ตีนเขากินแทน ก็เลยไม่ได้ขึ้นไปกินของอร่อยข้างบนเลย

 

11. สถานีรถไฟสือเฟิ่น/Shifen

กิจกรรมหลัก ๆ ที่มีให้ทำที่สถานีรถไฟสือเฟิ่นก็คือการปล่อยโคมลอย โดยมีโคมหลากสี ซึ่งแต่ละสีแทนความเชื่อทางด้านต่าง ๆ ทั้งความรัก การเงิน การงาน สุขภาพ แล้วแต่ความต้องการของผู้ปล่อยเลย โดยราคาก็เริ่มตั้งแต่ 150 – 600 TWD แล้วแต่สีและขนาดของโคม (อันนี้ก็แล้วแต่ความเชื่อครับ)

หลังจากที่ซื้อโคมเสร็จแล้ว ก็ได้เวลาเขียนความอวยพรต่าง ๆ และปล่อยโคมลอยให้ขึ้นสู่ฟ้า ก็ถือว่าเสร็จกิจกรรม และหวังว่าคำขอจะเป็นจริงนะครับ

บริเวณนี้เนื่องจากเป็นรางรถไฟ ก็ยังมีรถไฟผ่านจริง ๆ ซึ่งก็จะเหมือนกับตลาดร่มหุบ ที่ร้านค้าและผู้คนต้องรีบหลบข้างทางของรถไฟ

ปิดท้ายไปด้วยน้องงงง น้องคนขายขนมที่สถานีรถไฟสือเฟิ่น หน้าตาจิ้มลิ้มทีเดียวเชียว

และนี่ก็จบทริปเที่ยวตามใจคุณในการพาไปชมที่เที่ยวไต้หวัน ทั้งในเมืองและรอบนอก ประเทศไต้หวัน ถือว่าเป็นทริปครอบครัวในต่างประเทศที่แฮปปี้มาก และเรามั่นใจว่าถ้าหากใครได้มาเที่ยวไต้หวัน ก็จะต้องหลงรักไต้หวันเหมือนกับเราอย่างแน่นอน และวันนี้ต้องลาไปก่อน และอย่าลืมติดตามทริปอื่น ๆ ของเราต่อไปด้วยนะครับช

Booking.com
คุณ
คุณ
เจ้าของเพจเที่ยวตามใจคุณนะครับ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคน หวังว่าบทความท่องเที่ยวที่เขียนขึ้นมาจะเป็นประโยชน์นะครับ แล้วมาคุยกันนะครับ

บทความน่าสนใจ