fbpx
HomeThaiเที่ยวอเมริกาโรดทริปอเมริกา อาริโซน่า-ยูท่าห์ จาก Zion, Antelope Lower , Upper ถึง Horseshoe Bend

โรดทริปอเมริกา อาริโซน่า-ยูท่าห์ จาก Zion, Antelope Lower , Upper ถึง Horseshoe Bend

Klook.com
- Advertisement -
- Advertisement -

โรดทริปถือเป็นหนึ่งกิจกรรมที่มาอเมริกาไม่ควรพลาด เพราะอเมริกาถือเป็นประเทศที่มีความงามทางธรรมชาติที่สวยงามมาก แถมยังมี national park ที่ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงมากมาย ดังนั้นวันนี้เราจะพาไปเที่ยวโรดทริปที่มีชื่อเสียงที่หนึ่งในอเมริกาในรัฐ Utah และ Arizona กันครับ ซึ่งสถานที่หลัก ๆ ก็จะมีดังนี้ Zion National Park , Lower and Upper Antelope และ Horseshoe Bend

โดยทริปนี้เรามีผู้ร่วมเดินทางหนึ่งคน อย่าเรียกว่าผู้ร่วมเดินทางเลย เรียกว่าคนขับรถดีกว่า 55 (หลอกมาได้สำเร็จ) ต้องกราบงามๆ ไม่งั้นทริปนี้ไม่เกิดขึ้นแน่ๆ

เราเดินทางมาถึงลาสเวกัส ซึ่งเราใช้เวลาเที่ยว เล่นคาสิโน ตะลุยของอร่อยกันสองคืน ในส่วนของลาสเวกัส เราขอข้ามไปเลยแล้วกัน

ขมวีดีโอรวมสถานที่ท่องเที่ยวจากเมืองลาสเวกัส รัฐเนวาด้า และโรดทริปที่รัฐอริโซ่าและยูท่าห์ได้ในคลิปนี้ครับ

เราเช่ารถจากบริษัท Budget ซึ่ง ณ จุดจุดนี้ ไม่ขอแนะนำ เพราะบริการช้ามาก เราต่อคิวรับรถเกือบสองชั่วโมง หิวก็หิว จะเป็นลมแล้วนะ แต่ถ้าใครต้องการรถราคาถูกแต่ยอมบริการห่วยๆได้ ก็ลองดูนะจ๊ะ ที่เราเลือกใช้บริการ Budget เพราะมันถูก อีกทั้งเพื่อนที่เป็นคนขับรถ อายุไม่ถึง 25 ปี จะต้องเสียค่า Underage Fee (ถ้าคนอายุไม่ถึง 25 แต่จะเช่ารถขับในอเมริกา ส่งมาคุยกันหลังไมค์ได้นะครับ)

โรดทริปได้เริ่มขึ้นเวลา 9.00 หลังจากที่เรากินอาหารกันเรียบร้อยแล้ว การขับรถไปที่ Zion National Park ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 40 นาที ซึ่งถือว่าไม่ไกลเลยหละ  โดยจะต้องขับผ่านรัฐ Utah และ Arizona เราขอแนะนำให้หาอะไรกินก่อนถึง Zion เพราะใกล้ๆมีร้านขายขนมอยู่นิดเดียวและราคาค่อนข้างแพง

Zion National Park

Zion National Park มีค่าผ่านทาง 30$ สำหรับรถส่วนตัว ซึ่งด้วยความไม่รู้ของพวกเรา และไม่ยอมถามเจ้าหน้าที่ เราก็ขับรถเข้าไปใน Zion ไปเรื่อยๆเป็นระยะทาง 13 Miles จนเลยออกจาก National Park ไปเลย 55 เรารู้ตัวอีกทีก็คือตอนที่บรรยากาศไม่มีภูเขาแล้ว

ภาพข้างบนนี้ คือเราขับเลย Zion ไปแล้ว แต่กลับเข้ามา ก็ได้เจอกับภูเขาข้างทาง ที่มีลวดลายแบบนี้ แปลกตาดีจริงๆ
ถ้าใครมีเวลาเหลือ ก็สามารถแวะจอดตามทางได้ ไปปีนเขาเล่นๆ สนุกดี

เราต้องขับรถกลับไปที่ทางเข้าอีกครั้ง ซึ่งการเที่ยวใน Zion นี้จะต้องนั่งรถ Shuttle Bu จาก Visitor Center เท่านั้น (เสียเวลาเที่ยวจริงๆเลย) โดยจุดที่เป็นที่นิยมในนี้คือ Angel’s Landing Point และ The Narrow ในส่วนของโรดทริปครั้งนี้ เราได้ไปแค่ Angel’s Landing Point เพราะเราไม่มีเวลา ถ้ามีโอกาส พูดเลยว่าจะกลับไปอีก เพราะมันสวยจริงๆ

Angel’s Landing Point ถือเป็นทางเดินขึ้นไปภูเขาที่อันตรายเป็นอันดับต้นๆ เนื่องจากทางค่อนข้างแคบ และอยู่ริมเขา จากประวัติมีคนเคยตกเขา แล้วก็เสียชีวิต ดังนั้นด้วยความป๊อด บวกกับเวลา บวกกับสังขาลแล้ว เราจึงไปไม่ถึงปลายทาง (เราทำเต็มที่ที่สุดแล้ว) และนี่ก็คือบรรยากาศระหว่างทาง

เดินมาถึงจุดนี้ คือหอบ รู้สึกว่าร่างกายไม่พร้อม ถึงแม้จะอายุ 25 แต่ร่างกายไป 30 ซะแล้ว 
แต่คือมันสวย และ เสียวมาก จนลืมคำว่าเหนื่อยไปเลย

อีกหนึ่งจุดที่ไม่อยากให้พลาดคือ River Access ซึ่งจะเห็นแม่น้ำด้านหน้าและภูเขาด้านหลัง ถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ยจริงๆ บรรยากาศน่าเอาเสื่อมาปูนอนปิกนิกมากๆ 

หลังจากเดินเที่ยวใน Zion กว่า 5 ชั่วโมง ก็ถึงว่าเวลาอันเป็นสมควรแล้ว เราจะต้องเดินทางต่อกันที่เมือง Kanab ต้องขับรถออกไป 1 ชั่วโมง ซึ่งที่นี่จะเป็นที่นอนของพวกเราในคืนนี้ โดย รร ที่เราไปพักชื่อว่า Comfort Suite (Highly Recommend)

เราบ่นๆกันสองคนว่า รร ที่เราไปพัก มันดีมาก ห้องกว้าง เตียงนิ่ม ห้องน้ำกว้าง อยากใช้เวลาอยู่นานๆ แต่พรุ่งนี้ต้องออกจากที่นี่ตอน 8.00 เพื่อไปถึง Antelope Canyon ที่เมือง Page, Arizona ให้ทันทัวร์ที่จองไว้ โดยใช่เวลาขับรถเกือบสองชั่วโมง (อย่าลืมว่า เวลาจะปรับน้อยลง 1 ชั่วโมง) 

Antelope Canyon

Antelope Canyon จะต้องจองทัวร์ ซึ่งเค้าจะมีไกด์ทัวร์พาไปชม ให้ความรู้ และดูแลความปลอดภัยของลูกทัวร์ ซึ่ง Antelope Canyon มีทั้งแบบ Upper และ Lower 

เราไป Lower Antelope ในตอนเช้า 9.00 น. ใช้เวลาทัวร์ทั้งหมด 1.30 ชั่วโมง เราคิดว่าเป็นช่วงที่แดดกำลังดี แสงข้างล่างกำลังสวยเลยหละ (เราใช้บริการ Ken’s Tour ซึ่งเราคิดว่าเป็นทัวร์ผูกขาดเพียงเจ้าเดียวของที่นี่นะ) 


Lower Antelope จะต้องปีนป่ายบันไดลงไปใต้ดิน อาจจะไม่เหมาะกับการพาเด็กๆหรือผู้สูงอายุมา เพราะค่อนข้างสูงทีเดียว ตอนแรกเราโคตรกลัวเลยแหละ เพราะทางมันค่อยข้างเล็ก กลัวติดพุงมากๆ แต่มันไม่เป็นปัญหาเลยหละ แขม่วสุดฤทธิ์ 
(ทั้ง Lower และ Upper ไม่ให้นำกระเป๋าสะพาย ขาตั้งกล้อง หรือไม้เซลฟี่เข้าไปนะจ๊ะ)

ครูซคือไกด์ของเราในวันนี้ เค้าไม่เร่งพวกเราให้รีบเดิน แต่ให้เวลาในการถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ครูซเล่าว่าตอนเด็กๆพวกเขาก็ลงมาเล่นที่นี่ แต่เมื่อก่อนยังไม่มีบันไดลงมา จนกระทั่งเกิดเหตุร้ายที่มีนักท่องเที่ยวแอบลงมา จนเกิดน้ำท่วมฉับพลัน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 12 คน จึงทำให้ต้องมีการคุมเข้มและจัดทัวร์ให้เป็นเรื่องเป็นราวเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว

ค่าใช้จ่ายของทัวร์อยู่ที่ 28$ ต่อคน 20$ คือค่าทัวร์ 8$  เป็นค่า Navajo Park Fee (ค่าสวนนาวาโฮ) เราขอแนะนำให้แต่งตัวมิดชิด เพราะทรายจะตกลงมาตลอดเวลา ใส่หมวก พร้อมทั้งหาถุงมาหุ้มกล้องกันฝุ่นดีๆ 

สำหรับใครที่จะไป Upper Antelope ต้องเก็บตั๋วเอาไว้ เพราะจะไม่ต้องจ่ายค่า Navajo Park Fee อีกครั้ง

เราไม่อยากจะเชื่อว่าธรรมชาติ ลม ฝน จะทำให้ที่นี่สวยงามขนาดนี้




ถ้าใครเคยดูหนังเรื่อง 127 ที่มีนักท่องเที่ยว แขนไปติดอยู่ที่ซอกหิน บรรยากาศคือแบบเดียวกันกับที่นี่ แต่ Slot Canyon ที่นักท่องเที่ยวคนนั้นแขนไปติดอยู่ อยู่ที่ Blue John Canyon ที่มีขนาดเล็กกว่าที่นี่มาก สุดท้าย เขาต้องตัดแขนเผื่อเอาชีวิตรอดออกมา

แล้วลองดูภาพข้างล่างสิ ช่องแต่ละช่องเล็กๆทั้งนั้น ต้องเดินดีๆเลยหละ



และนี่คือภาพกรุ๊ปทัวร์ที่เป็น Professional Photographer จริงจังกับการถ่ายรูปกันมากๆเลยหละ

และนี่คือช่องเล็กๆที่เราต้องแทรกตัวกลับขึ้นมา คือมันเล็กมาก เราเอาหัวไปโหม่งสองที 55

หลังจากชมทัวร์ไปกว่า 1 ชั่วโมง พวกเราก็หิวซก เราเลือกที่จะไปกินอาหารที่ร้าน Dara Thai Express อยู่ในเมือง Page ขึบรถไปประมาณ 10 นาที เราไปก่อนถึงร้านเปิด 10 นาที เห็นมีลูกค้านั่งกินอยู่แล้วหนึ่งโต๊ะ ก็เลยเดินเข้าไป พนักงานคนไทยต้อนรับเป็นอย่างดี ชวนให้นั่งเอาน้ำมาให้ แต่นั่งไปสักพักก็ได้ยินคนพูดเสียงดังว่า “ก็รีบให้เข้ามาไง ก็เลยเตรียมไม่ทัน” เราหันไปที่ต้นเสียง เป็นเจ๊พนักงานเสริฟหน้าตาค่อนข้างเหวี่ยง ทำงานไปก็เหวี่ยงไป (มันทำให้รู้สึกว่าเค้าไม่อยากจะต้อนรับ ยังไงก็ไม่รู้) แต่ช่างเถอะ กินๆให้มันจบๆ สำหรับร้านนี้ อาหารรสชาติโอเค แก้ขัด สำหรับใครที่คิดถึงอาหารไทย ก็ลองไปทานกันดู แต่ที่นี่จะรวม  Tips 15% สำหรับ Party ตอนแรกก็งงๆ ว่ากี่คนเรียกว่า Party วะ สรุปคือ 2 คนก็คือ Party อยากจะรู้นักว่า 1 คน คือ Party of 1 หรือเปล่า 555

ตอนบ่าย เราจองทัวร์ Upper Antelope Canyon กับทาง Navajo Tour ซึ่งทัวร์ก็อยู่ฝั่งตรงข้ามกับ Lower Canyon ที่เราไปเมื่อเช้านั่นแหละ การเดินทางไป Upper Canyon จะต้องนั่งรถกระบะเข้าไป โดยเขาจะแบ่งเป็นกรุ๊ป กรุ๊ปละประมาณ 12-15 คน จุดนี้ลมค่อนข้างแรงมากๆ ทรายปลิ่วเข้าปาก ขอแนะนำใครที่กำลังจะมา ให้เตรียมหมวก หน้ากากปิดปาก แว่นกันแดดและเสื้อแจ๊กเก็ตให้ดี เพราะทรายแทรกเข้าทุกร่องที่มี ตั้งแต่ คอ หู จมูก ปาก และรูตุ๊ด เมื่อพร้อมแล้ว เราก็ลุยกันเลย

รถกระบะพาเรานั่งมาประมาณ 10 นาที ลุยทะเลทรายและลมหนาว จนมาถึงทางเข้า Upper Antelope Canyon ที่นี่ ไม่ต้องปีนป่ายแต่อย่างใด ทุกคนสามารถเดินเข้าไปได้เลย แต่ลมโกรกแรงมากๆ และหนาวมากๆ จากประสบกาณ์ที่เราเจอ เราไม่ค่อยชอบที่นี่เท่าไรนัก อยากเดินๆไปให้จบเร็วๆ เพราะข้างในค่อยข้างมืด ไม่เห็นอะไรเลย แสงไม่สวยเท่าไรนัก อาจจะเป็นเพราะเลือกช่วงเวลาผิด ที่สำคัญไกด์ทัวร์รีบร้อนเกินไป รีบเร่งให้เราเดินต่อไปเรื่อยๆ ไม่มีเวลาหยุดถ่ายรูป เซ่งจุงเบย (ถ้าใครอยากถ่ายรูปนานๆ ใช้เวลาข้างใน สามารถซื้อทัวร์ถ่ายรูปในราคา 80$ สำหรับเราซื้อแบบปกติคือ 40$)


ไกด์ทัวร์ของเรานางค่อยข่างเฟรนด์ลี่ นางสอนให้ทุกคนถ่ายรูปตามมุมต่างๆ บางรูปนางก็จะถ่ายให้ด้วยซ้ำ (สำหรับเรา เราว่ามันมากไป นี่ไม่ใช่คอร์สถ่ายรูปนะ) มีทั้งรูป President, Devil , Heart (นางหันมาบอกเราว่า หว่ออ้ายหนี่ 555) เราหันกลับไปบอกน่าว่า I don’t speak Chinese 555

และนี่คือภาพที่ถ่ายตอนหลุดออกมาจาก Canyon แล้ว เป็นเพียงรูปเดียวที่ถ่ายแล้วดูโอเค นอกนั้นมืด ดำ มัวจ้า

สิ่งที่ชอบที่สุดในส่วนของ Upper Antelope Canyon คือการนั่งรถกระบะผ่านทะเลยทรายนี่แหละ มันได้บรรยากาศของการถูกไล่ล่าเหมือนในหนังเลย 555

แต่ทริปนี้ยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะเรายังเดินทางไปต่อกันที่ Horseshoe Bend Trail ซึ่งเป็นปรากฎการธรรมชาติที่น่าทึง โดยเกิดขึ้นจากการกัดเซาะของแม่น้ำ Colorado ทำให้เกิดเป็นหน้าผารูปเกือกม้าขนาดใหย่ 

ตอนที่เราไปลมแรงและหนาวมาก จะต้องเดินเท้าจากที่จอดรถประมาณ 10 นาทีไปถึงจุดชมวิว 

แต่เราประทับใจที่นี่มากเพราะมันสวยมากจริงๆ แม่น้ำสีน้ำเงินตัดกับสีของหน้าผาสีแดง คือความงามระดับเพชร 7 กะรัต 


และนี่ก็คือโรดทริปของเราในครั้งนี้ เก็บหมดตั้งแต่รัฐอริโซน่าถึงยูท่าห์ หวังว่ามันจะเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนออกเดินทางท่องเที่ยวครับ 

คุณ
คุณ
เจ้าของเพจเที่ยวตามใจคุณนะครับ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคน หวังว่าบทความท่องเที่ยวที่เขียนขึ้นมาจะเป็นประโยชน์นะครับ แล้วมาคุยกันนะครับ

บทความน่าสนใจ